๖๐๖.สภาสตรีแห่งชาติฯ ส่งเสริมอนาคตเด็ก มอบ ๒๐๐ ทุนการศึกษา วันเด็กแห่งชาติ ยุควิถีใหม่ ๒๕๖๔ https://www.posttoday.com/social/general/642314




สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ส่งเสริมอนาคตเด็ก มอบ ๒๐๐ ทุนการศึกษา วันเด็กแห่งชาติ ยุควิถีใหม่ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวชาวไทย โดยเฉพาะสตรีในฐานะผู้ดูแลครอบครัว ขอให้ช่วยกันปฏิบัติตน ให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติตามที่ ศบค.และสาธารณสุขกำหนด ในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ รอบสอง

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า
สภาสตรีแห่งชาติฯตระหนักดีถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนว่าต้องได้รับการพัฒนาในทุกด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาจึงได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแก่เด็กเป็นประจำทุกปี ร่วมทั้งจัดกิจกรรมให้เด็กนักเรียนและผู้ปกครองได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันแต่เนื่องจากในช่วงนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ รอบสอง ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง และเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายในการติดเชื้อต่อเด็กๆซึ่งเป็นอนาคตของชาติได้

ในปีนี้จึงจัดงานวันเด็กแบบวิถีใหม่ คือ มอบทุนการศึกษาให้แก่ผู้แทนจากโรงเรียน เพื่อนำไปมอบแก่เด็กที่ครอบครัวมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อไป

ในโอกาสนี้ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กในโอกาสวันเด็ก
แห่งชาติฯของสภาสตรีแห่งชาติฯในวันนี้ ได้รับการสนับสนุน มาจาก ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ประธานคณะกรรมการบริหาร ที่ปรึกษาประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ รองประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร และองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ เพื่อสนับสนุนให้โอกาส เป็นทุนการศึกษาเล่าเรียน ของเด็กๆ จึงขอขอบพระคุณทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้

๖๐๕. สภาสตรีแห่งชาติฯ มอบ 200 ทุนการศึกษาวันเด็กแห่งชาติ ยุควิถีใหม่ และขอเป็นกำลังใจทุกครอบครัวชาวไทย โดยเฉพาะสตรีในฐานะผู้ดูแลครอบครัวขอให้ช่วยกัน ให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติตามที่ ศบค.และสาธารณสุขกำหนด ในช่วง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ รอบสอง

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2564 ที่บ้านพระกรุณานิวาสน์ ถนนสุโขทัย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ พร้อมด้วยนางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหาร นางสุกัญญา ประจวบเหมาะ นางศรีวรรณ สายฟ้า รองประธานสภาสตรีฯ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร พร้อมด้วยองค์กรสมาชิก ร่วมกันแจกทุนการศึกษาแก่เด็กจำนวน ๒๐๐ ทุนๆละ ๑,๐๐๐ บาท แก่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ โรงเรียนศรีสังวาลย์ โรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนราชานุกูล โรงเรียนปัญญาวุฒิกร โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา โรงเรียนสุเหร่าบ้านม้า โรงเรียนสุโขทัย กรมการพัฒนาชุมชน ลูกหลานเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สถานีตำรวจนครบาลดุสิต สำนักงานเขตดุสิต สถานีตำรวจนางเลิ้ง และกรมโยธาธิการและผังเมือง

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เปิดเผยว่าสภาสตรีแห่งชาติฯตระหนักดีถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนว่าต้องได้รับการพัฒนาในทุกด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาจึงได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแก่เด็กเป็นประจำทุกปี ร่วมทั้งจัดกิจกรรมให้เด็กนักเรียนและผู้ปกครองได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันแต่เนื่องจากในช่วงนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ รอบสอง ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง และเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายในการติดเชื้อต่อเด็กๆซึ่งเป็นอนาคตของชาติได้ ในปีนี้จึงจัดงานวันเด็กแบบวิถีใหม่ คือ มอบทุนการศึกษาให้แก่ผู้แทนจากโรงเรียน เพื่อนำไปมอบแก่เด็กที่ครอบครัวมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อไป

“ขอเป็นกำลังใจทุกครอบครัวชาวไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีในฐานะผู้ดูแลครอบครัวขอให้ช่วยกันปฏิบัติตนพร้อมทั้งให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติตามที่ ศบค.และสาธารณสุขกำหนด รักษาระยะห่างจากคนนอกครอบครัว สวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ เพื่อที่เราจะผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากไปด้วยกันโดยเร็ว” ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯกล่าวทิ้งท้าย

ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์

๖๐๔. สภาสตรีแห่งชาติฯแจก 200 ทุนการศึกษา เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ภายใต้คำขวัญ เด็กไทยวิถีใหม่ รวมใจสร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2564 
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ พร้อมด้วยนางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหาร นางสุกัญญา ประจวบเหมาะ รองประธานสภาสตรีฯ อาจารย์ศรีวรรณ สายฟ้า รองประธานสภาสตรี ฯ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร พร้อมด้วยองค์กรสมาชิก ร่วมกันแจกทุนการศึกษาแก่เด็กจำนวน 200 ทุนๆละ 1,000 บาท แก่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ โรงเรียนศรีสังวาลย์ โรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนราชานุกูล โรงเรียนปัญญาวุฒิกร โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา โรงเรียนสุเหร่าบ้านม้า โรงเรียนสุโขทัย กรมการพัฒนาชุมชน ลูกหลานเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สถานีตำรวจนครบาลดุสิต สำนักงานเขตดุสิต สถานีตำรวจนางเลิ้ง และกรมโยธาธิการและผังเมือง

๖๐๓. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯนำ คณะกรรมการและองค์กรสมาชิก ถวายแจกันดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๔

วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๘.๐๐ น.ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการสภาสตรีแห่งชาติฯ ประกอบด้วย ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี รองประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ และคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯและองค์กรสมาชิก ถวายแจกันดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และลงนามถวายพระพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๔ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๐๒. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ปลุกพลังสตรี สร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้เข้มแข็งhttps://mgronline.com/politics/detail/9630000132196

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษหัวข้อ “การสร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและการบริหารจัดการหนี้” ในโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลัง สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมด้วย ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับจังหวัด/ตำบล/เทศบาล และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจาก ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 1,000 คน โดยโครงการในครั้งนี้เป็น รุ่นที่ 2 ดำเนินการระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2563 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ดร.วันดี กล่าวว่า “นับเป็นมิ่งมงคลยิ่งของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2559-2560 โดยกำหนดการเริ่มจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม และเขตภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ด้วยพระเมตตาของทั้งสองพระองค์ที่ทรงปรารถนาให้พสกนิกรชาวไทยที่ใช้ภูมิปัญญารวมกลุ่มกันผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะผ้าไทยได้มีช่องทางการตลาด จึงได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิดพื้นที่ ให้พี่น้อง OTOP ทุกจังหวัดในภาคพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และทอดพระเนตรบูธผลิตภัณฑ์ OTOP โครงการจัดแสดงและจำหน่ายภูมิปัญญา OTOP เชิงบูรณาการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ภาคเหนือ และทรงร่วมกิจกรรมสาธิตของกลุ่มอาชีพ เป็นประจำทุกวัน ทุกคนต่างชื่นชมในพระจริยวัตรที่งดงามและพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นแบบอย่างในการฉลองพระองค์ด้วยผ้าไทย ทรงลงพระนามาภิไธย ทรงลงอักษรชื่อร้าน ตลอดจนทรงร่วมในกิจกรรมการสาธิตอย่างไม่ถือพระองค์ ยังความรู้สึกภาคภูมิใจ ปลาบปลื้ม และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มาสู่ผู้ประกอบการทุกคนที่ได้รับโอกาสอันดีนี้ สร้างรายได้เป็นมูลค่ากว่าล้านบาท

มิ่งมงคลยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งนั้น คือ พระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่จะรักษาและสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจกว่า 60 ปี ผ้าไทยจึงสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นพี่น้องสตรีมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงมีโอกาสเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้านตามภูมิภาคต่างๆ ทอดพระเนตรผลงานที่ถ่ายทอดมาแต่บรรพบุรุษ 3 ภูมิภาค นำมาสู่นิทรรศการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อให้รายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค โดยนิทรรศการจัดแสดงผลงานการรังสรรค์ผ้าไทยที่ทรงมีพระวินิจฉัย ในการออกแบบสี ลวดลาย และการตัดเย็บบนผ้าย้อมครามลวดลายพระราชทาน และเสื้อผ้าที่ทรงร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ทั้งหมด 18 ชุด จึงขอเชิญชวนทุกท่านชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ซึ่งจัดแสดงในงาน OTOP City 2020 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และทรงพระราชทานของขวัญปีใหม่แก่วงการผ้าไทยและพี่น้องชาวไทย คือ ลายมัดหมี่พระราชทาน ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่ทุกลวดลายเปี่ยมไปด้วยความหมาย อาทิ ลาย S หมายถึง Sirivannavari ลาย S จำนวน 10 แถว หมายถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ หมายถึง ความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน Eternity Love โดยเป็นผลงานจากพระราชวินิจฉัยเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังกลุ่มทอผ้าครามบ้านดอนกอย อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ทรงร่วมทอด้าย ปั่นด้าย ย้อมคราม ทอผ้ากับประชาชนอย่างใกล้ชิด และทรงออกแบบโดยไม่ละอัตลักษณ์ประจำถิ่นเดิม เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลวดลายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ร่วมสมัย สามารถก้าวสู่ระดับสากลเพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน
ดร.วันดี กล่าวต่อไปว่า เรื่องน่ายินดีประการต่อมา คือ ผลงานความสำเร็จชิ้นโบว์แดง ที่สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สนองงานสืบสานพระราชปณิธาน ดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ซึ่งได้จับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ลงนาม MOU ร่วมกับ 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ ในการสวมใส่ผ้าไทย และผลักดันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐนมตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เห็นชอบการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยใช้และสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน ทั้งนี้จึงเป็นการสร้างคุณค่าผ้าไทย กระตุ้นให้เกิดการใส่การใช้ผ้าไทย ผ้าไทยที่ต้องการมากขึ้น จากความสำเร็จนี้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน จะร่วมการขับเคลื่อนรณรงค์เรื่องราวผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นให้เกิดรูปธรรมในระยะต่อไป

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุน” ในภาษาธุรกิจ คือ “เงินตั้งต้น” โดยวันนี้ในเรื่องของทุน ทุนที่ดี คือ การนำทุนไปประกอบกิจกรรมใดๆ จากความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่มีไปต่อยอดประกอบอาชีพ แต่ขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จึงเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความหวังให้กับพี่น้องสตรีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้สตรีเข้าถึงแหล่งทุนหรือเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มละ 3 คน ด้วยวงเงินสูงสุดโครงการละ 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.1% ต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้โจทย์สำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างไรให้มีความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือลูกหลานต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันพบว่า มีการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งหมด 14,369,365,292.75 บาท ชำระคืน 9,849,695,838.30 บาท ซึ่งแบ่งกองทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ กองทุนเดิมตั้งแต่ปี 2556-2559 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 52.51 % และกองทุนใหม่ปี 2560 – 2563 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 12.99% รวมทั้งหมด 29.29 % (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2563)
จากข้อมูลที่ปรากฎปัจจุบันในรายภาคพบว่า ภาคกลาง จังหวัดเพชบุรีและภาคใต้ จังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ได้เป็นอันดับ 1 ทำให้หนี้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อยอดให้กับพี่น้องสตรีสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไป โดยตัวแทนสตรี จังหวัดเพชรบุรี ของภาคกลางมีการบริหารจัดการหนี้ลดลง 4.61 % เนื่องจากเพชรบุรีมีหนี้ไม่มากนัก เป็นหนี้เก่าในระหว่างปี 2555-2556 ประมาณ 13% ในขณะที่ไม่มีหนี้ใหม่ และได้รับความกรุณาจากคณะทำงานจังหวัดได้ให้แนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ พิจารณาอายุมีความเหมาะสมต่อการกู้หรือไม่ ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้กู้ลักษณะของสถานที่ประกอบการมีลักษณะเป็นการเช่าหรือเป็นเจ้าของ โครงการมีความซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่นๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องมีการวางแผนงานงบประมาณที่ชัดเจน ในความดูแลของเครือข่ายส่วนราชการต่างๆ และสร้างความช่วยเหลืออย่างครบวงจร ในส่วนของจังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ลดลงได้เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ 7.39 % โดยอาศัยการบริหารงานด้วยการวางแผนร่วมกันระหว่างพัฒนาการจังหวัดและคณะทำงานขับเคลื่อนสตรีในทุกระดับ ต่อการบริหารจัดการกลุ่มหนี้เสีย โดยการเข้าไปสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากอะไร แล้วจึงนำปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุย วางแผน ร่วมกันเพื่อเร่งติดตาม และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน
ดร.วันดี กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดต่อการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างยั่งยืน พวกเราต้องรวมพลัง จับมือกัน สร้างเครือข่ายในแต่ละจังหวัด เพิ่มพูนความรู้ พัฒนาศักยภาพกลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการสร้างพลังสตรีสู่การพัฒนาชุมชน เพื่อนำความรู้ไปช่วยในการสร้างจุดแข็ง เสริมจุดอ่อนในการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในแต่ละจังหวัดให้มีประสิทธิภาพเกิดความยั่งยืน และร่วมกันให้คำมั่นต่อพี่น้องสตรีในการติดตามการบริหารจัดการหนี้ค้างชำระสู่เป้าหมายร้อยละ 10 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” ต่อไป

แหล่งที่มา: https://mgronline.com/politics/detail/9630000132196
เรียบเรียง : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๐๑. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ปลุกพลังสตรี ยกระดับบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” สร้างความสุขสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน https://region.siamrath.co.th/bkk/Bangkok/27856

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษหัวข้อ “การสร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและการบริหารจัดการหนี้” ในโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลัง สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมด้วย ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับจังหวัด/ตำบล/เทศบาล และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจาก ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 1,000 คน โดยโครงการในครั้งนี้เป็น รุ่นที่ 2 ดำเนินการระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2563 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ดร.วันดี กล่าวว่า “นับเป็นมิ่งมงคลยิ่งของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2559-2560 โดยกำหนดการเริ่มจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม และเขตภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ด้วยพระเมตตาของทั้งสองพระองค์ที่ทรงปรารถนาให้พสกนิกรชาวไทยที่ใช้ภูมิปัญญารวมกลุ่มกันผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะผ้าไทยได้มีช่องทางการตลาด จึงได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิดพื้นที่ ให้พี่น้อง OTOP ทุกจังหวัดในภาคพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และทอดพระเนตรบูธผลิตภัณฑ์ OTOP โครงการจัดแสดงและจำหน่ายภูมิปัญญา OTOP เชิงบูรณาการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ภาคเหนือ และทรงร่วมกิจกรรมสาธิตของกลุ่มอาชีพ เป็นประจำทุกวัน ทุกคนต่างชื่นชมในพระจริยวัตรที่งดงามและพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นแบบอย่างในการฉลองพระองค์ด้วยผ้าไทย ทรงลงพระนามาภิไธย ทรงลงอักษรชื่อร้าน ตลอดจนทรงร่วมในกิจกรรมการสาธิตอย่างไม่ถือพระองค์ ยังความรู้สึกภาคภูมิใจ ปลาบปลื้ม และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มาสู่ผู้ประกอบการทุกคนที่ได้รับโอกาสอันดีนี้ สร้างรายได้เป็นมูลค่ากว่าล้านบาท

มิ่งมงคลยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งนั้น คือ พระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่จะรักษาและสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจกว่า 60 ปี ผ้าไทยจึงสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นพี่น้องสตรีมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงมีโอกาสเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้านตามภูมิภาคต่างๆ ทอดพระเนตรผลงานที่ถ่ายทอดมาแต่บรรพบุรุษ 3 ภูมิภาค นำมาสู่นิทรรศการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อให้รายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค โดยนิทรรศการจัดแสดงผลงานการรังสรรค์ผ้าไทยที่ทรงมีพระวินิจฉัย ในการออกแบบสี ลวดลาย และการตัดเย็บบนผ้าย้อมครามลวดลายพระราชทาน และเสื้อผ้าที่ทรงร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ทั้งหมด 18 ชุด จึงขอเชิญชวนทุกท่านชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ซึ่งจัดแสดงในงาน OTOP City 2020 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และทรงพระราชทานของขวัญปีใหม่แก่วงการผ้าไทยและพี่น้องชาวไทย คือ ลายมัดหมี่พระราชทาน ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่ทุกลวดลายเปี่ยมไปด้วยความหมาย อาทิ ลาย S หมายถึง Sirivannavari ลาย S จำนวน 10 แถว หมายถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ หมายถึง ความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน Eternity Love โดยเป็นผลงานจากพระราชวินิจฉัยเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังกลุ่มทอผ้าครามบ้านดอนกอย อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ทรงร่วมทอด้าย ปั่นด้าย ย้อมคราม ทอผ้ากับประชาชนอย่างใกล้ชิด และทรงออกแบบโดยไม่ละอัตลักษณ์ประจำถิ่นเดิม เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลวดลายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ร่วมสมัย สามารถก้าวสู่ระดับสากลเพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน
ดร.วันดี กล่าวต่อไปว่า เรื่องน่ายินดีประการต่อมา คือ ผลงานความสำเร็จชิ้นโบว์แดง ที่สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สนองงานสืบสานพระราชปณิธาน ดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ซึ่งได้จับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ลงนาม MOU ร่วมกับ 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ ในการสวมใส่ผ้าไทย และผลักดันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐนมตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เห็นชอบการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยใช้และสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน ทั้งนี้จึงเป็นการสร้างคุณค่าผ้าไทย กระตุ้นให้เกิดการใส่การใช้ผ้าไทย ผ้าไทยที่ต้องการมากขึ้น จากความสำเร็จนี้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน จะร่วมการขับเคลื่อนรณรงค์เรื่องราวผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นให้เกิดรูปธรรมในระยะต่อไป

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุน” ในภาษาธุรกิจ คือ “เงินตั้งต้น” โดยวันนี้ในเรื่องของทุน ทุนที่ดี คือ การนำทุนไปประกอบกิจกรรมใดๆ จากความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่มีไปต่อยอดประกอบอาชีพ แต่ขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จึงเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความหวังให้กับพี่น้องสตรีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้สตรีเข้าถึงแหล่งทุนหรือเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มละ 3 คน ด้วยวงเงินสูงสุดโครงการละ 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.1% ต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้โจทย์สำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างไรให้มีความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือลูกหลานต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันพบว่า มีการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งหมด 14,369,365,292.75 บาท ชำระคืน 9,849,695,838.30 บาท ซึ่งแบ่งกองทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ กองทุนเดิมตั้งแต่ปี 2556-2559 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 52.51 % และกองทุนใหม่ปี 2560 – 2563 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 12.99% รวมทั้งหมด 29.29 % (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2563)
จากข้อมูลที่ปรากฎปัจจุบันในรายภาคพบว่า ภาคกลาง จังหวัดเพชบุรีและภาคใต้ จังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ได้เป็นอันดับ 1 ทำให้หนี้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อยอดให้กับพี่น้องสตรีสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไป โดยตัวแทนสตรี จังหวัดเพชรบุรี ของภาคกลางมีการบริหารจัดการหนี้ลดลง 4.61 % เนื่องจากเพชรบุรีมีหนี้ไม่มากนัก เป็นหนี้เก่าในระหว่างปี 2555-2556 ประมาณ 13% ในขณะที่ไม่มีหนี้ใหม่ และได้รับความกรุณาจากคณะทำงานจังหวัดได้ให้แนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ พิจารณาอายุมีความเหมาะสมต่อการกู้หรือไม่ ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้กู้ลักษณะของสถานที่ประกอบการมีลักษณะเป็นการเช่าหรือเป็นเจ้าของ โครงการมีความซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่นๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องมีการวางแผนงานงบประมาณที่ชัดเจน ในความดูแลของเครือข่ายส่วนราชการต่างๆ และสร้างความช่วยเหลืออย่างครบวงจร ในส่วนของจังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ลดลงได้เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ 7.39 % โดยอาศัยการบริหารงานด้วยการวางแผนร่วมกันระหว่างพัฒนาการจังหวัดและคณะทำงานขับเคลื่อนสตรีในทุกระดับ ต่อการบริหารจัดการกลุ่มหนี้เสีย โดยการเข้าไปสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากอะไร แล้วจึงนำปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุย วางแผน ร่วมกันเพื่อเร่งติดตาม และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน
ดร.วันดี กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดต่อการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างยั่งยืน พวกเราต้องรวมพลัง จับมือกัน สร้างเครือข่ายในแต่ละจังหวัด เพิ่มพูนความรู้ พัฒนาศักยภาพกลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการสร้างพลังสตรีสู่การพัฒนาชุมชน เพื่อนำความรู้ไปช่วยในการสร้างจุดแข็ง เสริมจุดอ่อนในการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในแต่ละจังหวัดให้มีประสิทธิภาพเกิดความยั่งยืน และร่วมกันให้คำมั่นต่อพี่น้องสตรีในการติดตามการบริหารจัดการหนี้ค้างชำระสู่เป้าหมายร้อยละ 10 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” ต่อไป
แหล่งที่มา: สยามรัฐ https://region.siamrath.co.th/bkk/Bangkok/27856
เรียบเรียง : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๐๐. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ปลุกพลังสตรี สร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้เข้มแข็ง ยกระดับบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน อย่างยั่งยืน https://local.amarintv.com/bkk/Bangkok/27856

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษหัวข้อ “การสร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและการบริหารจัดการหนี้” ในโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลัง สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมด้วย ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับจังหวัด/ตำบล/เทศบาล และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจาก ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 1,000 คน โดยโครงการในครั้งนี้เป็น รุ่นที่ 2 ดำเนินการระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2563 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ดร.วันดี กล่าวว่า “นับเป็นมิ่งมงคลยิ่งของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2559-2560 โดยกำหนดการเริ่มจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม และเขตภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ด้วยพระเมตตาของทั้งสองพระองค์ที่ทรงปรารถนาให้พสกนิกรชาวไทยที่ใช้ภูมิปัญญารวมกลุ่มกันผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะผ้าไทยได้มีช่องทางการตลาด จึงได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิดพื้นที่ ให้พี่น้อง OTOP ทุกจังหวัดในภาคพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และทอดพระเนตรบูธผลิตภัณฑ์ OTOP โครงการจัดแสดงและจำหน่ายภูมิปัญญา OTOP เชิงบูรณาการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ภาคเหนือ และทรงร่วมกิจกรรมสาธิตของกลุ่มอาชีพ เป็นประจำทุกวัน ทุกคนต่างชื่นชมในพระจริยวัตรที่งดงามและพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นแบบอย่างในการฉลองพระองค์ด้วยผ้าไทย ทรงลงพระนามาภิไธย ทรงลงอักษรชื่อร้าน ตลอดจนทรงร่วมในกิจกรรมการสาธิตอย่างไม่ถือพระองค์ ยังความรู้สึกภาคภูมิใจ ปลาบปลื้ม และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มาสู่ผู้ประกอบการทุกคนที่ได้รับโอกาสอันดีนี้ สร้างรายได้เป็นมูลค่ากว่าล้านบาท

มิ่งมงคลยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งนั้น คือ พระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่จะรักษาและสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจกว่า 60 ปี ผ้าไทยจึงสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นพี่น้องสตรีมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงมีโอกาสเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้านตามภูมิภาคต่างๆ ทอดพระเนตรผลงานที่ถ่ายทอดมาแต่บรรพบุรุษ 3 ภูมิภาค นำมาสู่นิทรรศการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อให้รายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค โดยนิทรรศการจัดแสดงผลงานการรังสรรค์ผ้าไทยที่ทรงมีพระวินิจฉัย ในการออกแบบสี ลวดลาย และการตัดเย็บบนผ้าย้อมครามลวดลายพระราชทาน และเสื้อผ้าที่ทรงร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ทั้งหมด 18 ชุด จึงขอเชิญชวนทุกท่านชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ซึ่งจัดแสดงในงาน OTOP City 2020 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และทรงพระราชทานของขวัญปีใหม่แก่วงการผ้าไทยและพี่น้องชาวไทย คือ ลายมัดหมี่พระราชทาน ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่ทุกลวดลายเปี่ยมไปด้วยความหมาย อาทิ ลาย S หมายถึง Sirivannavari ลาย S จำนวน 10 แถว หมายถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ หมายถึง ความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน Eternity Love โดยเป็นผลงานจากพระราชวินิจฉัยเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังกลุ่มทอผ้าครามบ้านดอนกอย อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ทรงร่วมทอด้าย ปั่นด้าย ย้อมคราม ทอผ้ากับประชาชนอย่างใกล้ชิด และทรงออกแบบโดยไม่ละอัตลักษณ์ประจำถิ่นเดิม เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลวดลายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ร่วมสมัย สามารถก้าวสู่ระดับสากลเพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน
ดร.วันดี กล่าวต่อไปว่า เรื่องน่ายินดีประการต่อมา คือ ผลงานความสำเร็จชิ้นโบว์แดง ที่สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สนองงานสืบสานพระราชปณิธาน ดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ซึ่งได้จับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ลงนาม MOU ร่วมกับ 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ ในการสวมใส่ผ้าไทย และผลักดันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐนมตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เห็นชอบการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยใช้และสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน ทั้งนี้จึงเป็นการสร้างคุณค่าผ้าไทย กระตุ้นให้เกิดการใส่การใช้ผ้าไทย ผ้าไทยที่ต้องการมากขึ้น จากความสำเร็จนี้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน จะร่วมการขับเคลื่อนรณรงค์เรื่องราวผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นให้เกิดรูปธรรมในระยะต่อไป

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุน” ในภาษาธุรกิจ คือ “เงินตั้งต้น” โดยวันนี้ในเรื่องของทุน ทุนที่ดี คือ การนำทุนไปประกอบกิจกรรมใดๆ จากความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่มีไปต่อยอดประกอบอาชีพ แต่ขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จึงเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความหวังให้กับพี่น้องสตรีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้สตรีเข้าถึงแหล่งทุนหรือเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มละ 3 คน ด้วยวงเงินสูงสุดโครงการละ 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.1% ต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้โจทย์สำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างไรให้มีความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือลูกหลานต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันพบว่า มีการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งหมด 14,369,365,292.75 บาท ชำระคืน 9,849,695,838.30 บาท ซึ่งแบ่งกองทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ กองทุนเดิมตั้งแต่ปี 2556-2559 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 52.51 % และกองทุนใหม่ปี 2560 – 2563 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 12.99% รวมทั้งหมด 29.29 % (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2563)
จากข้อมูลที่ปรากฎปัจจุบันในรายภาคพบว่า ภาคกลาง จังหวัดเพชบุรีและภาคใต้ จังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ได้เป็นอันดับ 1 ทำให้หนี้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อยอดให้กับพี่น้องสตรีสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไป โดยตัวแทนสตรี จังหวัดเพชรบุรี ของภาคกลางมีการบริหารจัดการหนี้ลดลง 4.61 % เนื่องจากเพชรบุรีมีหนี้ไม่มากนัก เป็นหนี้เก่าในระหว่างปี 2555-2556 ประมาณ 13% ในขณะที่ไม่มีหนี้ใหม่ และได้รับความกรุณาจากคณะทำงานจังหวัดได้ให้แนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ พิจารณาอายุมีความเหมาะสมต่อการกู้หรือไม่ ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้กู้ลักษณะของสถานที่ประกอบการมีลักษณะเป็นการเช่าหรือเป็นเจ้าของ โครงการมีความซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่นๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องมีการวางแผนงานงบประมาณที่ชัดเจน ในความดูแลของเครือข่ายส่วนราชการต่างๆ และสร้างความช่วยเหลืออย่างครบวงจร ในส่วนของจังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ลดลงได้เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ 7.39 % โดยอาศัยการบริหารงานด้วยการวางแผนร่วมกันระหว่างพัฒนาการจังหวัดและคณะทำงานขับเคลื่อนสตรีในทุกระดับ ต่อการบริหารจัดการกลุ่มหนี้เสีย โดยการเข้าไปสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากอะไร แล้วจึงนำปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุย วางแผน ร่วมกันเพื่อเร่งติดตาม และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน
ดร.วันดี กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดต่อการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างยั่งยืน พวกเราต้องรวมพลัง จับมือกัน สร้างเครือข่ายในแต่ละจังหวัด เพิ่มพูนความรู้ พัฒนาศักยภาพกลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการสร้างพลังสตรีสู่การพัฒนาชุมชน เพื่อนำความรู้ไปช่วยในการสร้างจุดแข็ง เสริมจุดอ่อนในการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในแต่ละจังหวัดให้มีประสิทธิภาพเกิดความยั่งยืน และร่วมกันให้คำมั่นต่อพี่น้องสตรีในการติดตามการบริหารจัดการหนี้ค้างชำระสู่เป้าหมายร้อยละ 10 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” ต่อไป
แหล่งที่มา: https://local.amarintv.com/bkk/Bangkok/27856
เรียบเรียง : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีห่งชาติฯ

๕๙๙. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ปลุกพลังสตรี “Change for good” สร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจัดการหนี้ สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษหัวข้อ “การสร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและการบริหารจัดการหนี้” ในโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลัง สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมด้วย ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับจังหวัด/ตำบล/เทศบาล และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจาก ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 1,000 คน โดยโครงการในครั้งนี้เป็น รุ่นที่ 2 ดำเนินการระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2563 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ดร.วันดี กล่าวว่า “นับเป็นมิ่งมงคลยิ่งของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2559-2560 โดยกำหนดการเริ่มจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม และเขตภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ด้วยพระเมตตาของทั้งสองพระองค์ที่ทรงปรารถนาให้พสกนิกรชาวไทยที่ใช้ภูมิปัญญารวมกลุ่มกันผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะผ้าไทยได้มีช่องทางการตลาด จึงได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิดพื้นที่ ให้พี่น้อง OTOP ทุกจังหวัดในภาคพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และทอดพระเนตรบูธผลิตภัณฑ์ OTOP โครงการจัดแสดงและจำหน่ายภูมิปัญญา OTOP เชิงบูรณาการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ภาคเหนือ และทรงร่วมกิจกรรมสาธิตของกลุ่มอาชีพ เป็นประจำทุกวัน ทุกคนต่างชื่นชมในพระจริยวัตรที่งดงามและพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นแบบอย่างในการฉลองพระองค์ด้วยผ้าไทย ทรงลงพระนามาภิไธย ทรงลงอักษรชื่อร้าน ตลอดจนทรงร่วมในกิจกรรมการสาธิตอย่างไม่ถือพระองค์ ยังความรู้สึกภาคภูมิใจ ปลาบปลื้ม และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มาสู่ผู้ประกอบการทุกคนที่ได้รับโอกาสอันดีนี้ สร้างรายได้เป็นมูลค่ากว่าล้านบาท

มิ่งมงคลยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งนั้น คือ พระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่จะรักษาและสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจกว่า 60 ปี ผ้าไทยจึงสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นพี่น้องสตรีมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงมีโอกาสเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้านตามภูมิภาคต่างๆ ทอดพระเนตรผลงานที่ถ่ายทอดมาแต่บรรพบุรุษ 3 ภูมิภาค นำมาสู่นิทรรศการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อให้รายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค โดยนิทรรศการจัดแสดงผลงานการรังสรรค์ผ้าไทยที่ทรงมีพระวินิจฉัย ในการออกแบบสี ลวดลาย และการตัดเย็บบนผ้าย้อมครามลวดลายพระราชทาน และเสื้อผ้าที่ทรงร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ทั้งหมด 18 ชุด จึงขอเชิญชวนทุกท่านชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ซึ่งจัดแสดงในงาน OTOP City 2020 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และทรงพระราชทานของขวัญปีใหม่แก่วงการผ้าไทยและพี่น้องชาวไทย คือ ลายมัดหมี่พระราชทาน ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่ทุกลวดลายเปี่ยมไปด้วยความหมาย อาทิ ลาย S หมายถึง Sirivannavari ลาย S จำนวน 10 แถว หมายถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ หมายถึง ความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน Eternity Love โดยเป็นผลงานจากพระราชวินิจฉัยเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังกลุ่มทอผ้าครามบ้านดอนกอย อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ทรงร่วมทอด้าย ปั่นด้าย ย้อมคราม ทอผ้ากับประชาชนอย่างใกล้ชิด และทรงออกแบบโดยไม่ละอัตลักษณ์ประจำถิ่นเดิม เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลวดลายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ร่วมสมัย สามารถก้าวสู่ระดับสากลเพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน
ดร.วันดี กล่าวต่อไปว่า เรื่องน่ายินดีประการต่อมา คือ ผลงานความสำเร็จชิ้นโบว์แดง ที่สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สนองงานสืบสานพระราชปณิธาน ดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ซึ่งได้จับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ลงนาม MOU ร่วมกับ 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ ในการสวมใส่ผ้าไทย และผลักดันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐนมตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เห็นชอบการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยใช้และสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน ทั้งนี้จึงเป็นการสร้างคุณค่าผ้าไทย กระตุ้นให้เกิดการใส่การใช้ผ้าไทย ผ้าไทยที่ต้องการมากขึ้น จากความสำเร็จนี้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน จะร่วมการขับเคลื่อนรณรงค์เรื่องราวผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นให้เกิดรูปธรรมในระยะต่อไป

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุน” ในภาษาธุรกิจ คือ “เงินตั้งต้น” โดยวันนี้ในเรื่องของทุน ทุนที่ดี คือ การนำทุนไปประกอบกิจกรรมใดๆ จากความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่มีไปต่อยอดประกอบอาชีพ แต่ขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จึงเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความหวังให้กับพี่น้องสตรีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้สตรีเข้าถึงแหล่งทุนหรือเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มละ 3 คน ด้วยวงเงินสูงสุดโครงการละ 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.1% ต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้โจทย์สำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างไรให้มีความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือลูกหลานต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันพบว่า มีการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งหมด 14,369,365,292.75 บาท ชำระคืน 9,849,695,838.30 บาท ซึ่งแบ่งกองทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ กองทุนเดิมตั้งแต่ปี 2556-2559 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 52.51 % และกองทุนใหม่ปี 2560 – 2563 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 12.99% รวมทั้งหมด 29.29 % (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2563)
จากข้อมูลที่ปรากฎปัจจุบันในรายภาคพบว่า ภาคกลาง จังหวัดเพชบุรีและภาคใต้ จังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ได้เป็นอันดับ 1 ทำให้หนี้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อยอดให้กับพี่น้องสตรีสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไป โดยตัวแทนสตรี จังหวัดเพชรบุรี ของภาคกลางมีการบริหารจัดการหนี้ลดลง 4.61 % เนื่องจากเพชรบุรีมีหนี้ไม่มากนัก เป็นหนี้เก่าในระหว่างปี 2555-2556 ประมาณ 13% ในขณะที่ไม่มีหนี้ใหม่ และได้รับความกรุณาจากคณะทำงานจังหวัดได้ให้แนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ พิจารณาอายุมีความเหมาะสมต่อการกู้หรือไม่ ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้กู้ลักษณะของสถานที่ประกอบการมีลักษณะเป็นการเช่าหรือเป็นเจ้าของ โครงการมีความซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่นๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องมีการวางแผนงานงบประมาณที่ชัดเจน ในความดูแลของเครือข่ายส่วนราชการต่างๆ และสร้างความช่วยเหลืออย่างครบวงจร ในส่วนของจังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ลดลงได้เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ 7.39 % โดยอาศัยการบริหารงานด้วยการวางแผนร่วมกันระหว่างพัฒนาการจังหวัดและคณะทำงานขับเคลื่อนสตรีในทุกระดับ ต่อการบริหารจัดการกลุ่มหนี้เสีย โดยการเข้าไปสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากอะไร แล้วจึงนำปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุย วางแผน ร่วมกันเพื่อเร่งติดตาม และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน
ดร.วันดี กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดต่อการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างยั่งยืน พวกเราต้องรวมพลัง จับมือกัน สร้างเครือข่ายในแต่ละจังหวัด เพิ่มพูนความรู้ พัฒนาศักยภาพกลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการสร้างพลังสตรีสู่การพัฒนาชุมชน เพื่อนำความรู้ไปช่วยในการสร้างจุดแข็ง เสริมจุดอ่อนในการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในแต่ละจังหวัดให้มีประสิทธิภาพเกิดความยั่งยืน และร่วมกันให้คำมั่นต่อพี่น้องสตรีในการติดตามการบริหารจัดการหนี้ค้างชำระสู่เป้าหมายร้อยละ 10 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” ต่อไป
แหล่งที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์
เรียบเรียง : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหาร

๕๙๘. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ปลุกพลังสตรี สร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้เข้มแข็งhttps://mgronline.com/politics/detail/9630000132196

ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ปลุกพลังสตรี สร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้เข้มแข็ง ยกระดับบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน อย่างยั่งยืน

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษหัวข้อ “การสร้างมูลค่าเพิ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและการบริหารจัดการหนี้” ในโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลัง สร้างความสุข สร้างรายได้สู่ชุมชน โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางทรงลักษณ์ วรภัย ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมด้วย ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับจังหวัด/ตำบล/เทศบาล และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจาก ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 1,000 คน โดยโครงการในครั้งนี้เป็น รุ่นที่ 2 ดำเนินการระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2563 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี



ดร.วันดี กล่าวว่า “นับเป็นมิ่งมงคลยิ่งของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2559-2560 โดยกำหนดการเริ่มจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เขตภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม และเขตภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ด้วยพระเมตตาของทั้งสองพระองค์ที่ทรงปรารถนาให้พสกนิกรชาวไทยที่ใช้ภูมิปัญญารวมกลุ่มกันผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะผ้าไทยได้มีช่องทางการตลาด จึงได้มีพระบรมราชานุญาตให้เปิดพื้นที่ ให้พี่น้อง OTOP ทุกจังหวัดในภาคพื้นที่ ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และทอดพระเนตรบูธผลิตภัณฑ์ OTOP โครงการจัดแสดงและจำหน่ายภูมิปัญญา OTOP เชิงบูรณาการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” ภาคเหนือ และทรงร่วมกิจกรรมสาธิตของกลุ่มอาชีพ เป็นประจำทุกวัน ทุกคนต่างชื่นชมในพระจริยวัตรที่งดงามและพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นแบบอย่างในการฉลองพระองค์ด้วยผ้าไทย ทรงลงพระนามาภิไธย ทรงลงอักษรชื่อร้าน ตลอดจนทรงร่วมในกิจกรรมการสาธิตอย่างไม่ถือพระองค์ ยังความรู้สึกภาคภูมิใจ ปลาบปลื้ม และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มาสู่ผู้ประกอบการทุกคนที่ได้รับโอกาสอันดีนี้ สร้างรายได้เป็นมูลค่ากว่าล้านบาท

มิ่งมงคลยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งนั้น คือ พระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่จะรักษาและสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดการประกอบพระราชกรณียกิจกว่า 60 ปี ผ้าไทยจึงสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นพี่น้องสตรีมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงมีโอกาสเสด็จฯไปทรงเยี่ยมชมผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้านตามภูมิภาคต่างๆ ทอดพระเนตรผลงานที่ถ่ายทอดมาแต่บรรพบุรุษ 3 ภูมิภาค นำมาสู่นิทรรศการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อให้รายได้กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค โดยนิทรรศการจัดแสดงผลงานการรังสรรค์ผ้าไทยที่ทรงมีพระวินิจฉัย ในการออกแบบสี ลวดลาย และการตัดเย็บบนผ้าย้อมครามลวดลายพระราชทาน และเสื้อผ้าที่ทรงร่วมกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของประเทศไทย ทั้งหมด 18 ชุด จึงขอเชิญชวนทุกท่านชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ซึ่งจัดแสดงในงาน OTOP City 2020 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และทรงพระราชทานของขวัญปีใหม่แก่วงการผ้าไทยและพี่น้องชาวไทย คือ ลายมัดหมี่พระราชทาน ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่ทุกลวดลายเปี่ยมไปด้วยความหมาย อาทิ ลาย S หมายถึง Sirivannavari ลาย S จำนวน 10 แถว หมายถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ หมายถึง ความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน Eternity Love โดยเป็นผลงานจากพระราชวินิจฉัยเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังกลุ่มทอผ้าครามบ้านดอนกอย อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ทรงร่วมทอด้าย ปั่นด้าย ย้อมคราม ทอผ้ากับประชาชนอย่างใกล้ชิด และทรงออกแบบโดยไม่ละอัตลักษณ์ประจำถิ่นเดิม เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลวดลายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ร่วมสมัย สามารถก้าวสู่ระดับสากลเพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน

ดร.วันดี กล่าวต่อไปว่า เรื่องน่ายินดีประการต่อมา คือ ผลงานความสำเร็จชิ้นโบว์แดง ที่สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สนองงานสืบสานพระราชปณิธาน ดำเนินโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ซึ่งได้จับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน ลงนาม MOU ร่วมกับ 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ ในการสวมใส่ผ้าไทย และผลักดันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐนมตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เห็นชอบการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยใช้และสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน ทั้งนี้จึงเป็นการสร้างคุณค่าผ้าไทย กระตุ้นให้เกิดการใส่การใช้ผ้าไทย ผ้าไทยที่ต้องการมากขึ้น จากความสำเร็จนี้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชน จะร่วมการขับเคลื่อนรณรงค์เรื่องราวผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นให้เกิดรูปธรรมในระยะต่อไป

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุน” ในภาษาธุรกิจ คือ “เงินตั้งต้น” โดยวันนี้ในเรื่องของทุน ทุนที่ดี คือ การนำทุนไปประกอบกิจกรรมใดๆ จากความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่มีไปต่อยอดประกอบอาชีพ แต่ขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จึงเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความหวังให้กับพี่น้องสตรีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้สตรีเข้าถึงแหล่งทุนหรือเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มละ 3 คน ด้วยวงเงินสูงสุดโครงการละ 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.1% ต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้โจทย์สำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างไรให้มีความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือลูกหลานต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันพบว่า มีการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั้งหมด 14,369,365,292.75 บาท ชำระคืน 9,849,695,838.30 บาท ซึ่งแบ่งกองทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ กองทุนเดิมตั้งแต่ปี 2556-2559 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 52.51 % และกองทุนใหม่ปี 2560 – 2563 มีหนี้เกินกำหนดชำระจากหนี้คงเหลือทั้งหมด 12.99% รวมทั้งหมด 29.29 % (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2563)

จากข้อมูลที่ปรากฎปัจจุบันในรายภาคพบว่า ภาคกลาง จังหวัดเพชบุรีและภาคใต้ จังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ได้เป็นอันดับ 1 ทำให้หนี้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อยอดให้กับพี่น้องสตรีสร้างงาน สร้างอาชีพต่อไป โดยตัวแทนสตรี จังหวัดเพชรบุรี ของภาคกลางมีการบริหารจัดการหนี้ลดลง 4.61 % เนื่องจากเพชรบุรีมีหนี้ไม่มากนัก เป็นหนี้เก่าในระหว่างปี 2555-2556 ประมาณ 13% ในขณะที่ไม่มีหนี้ใหม่ และได้รับความกรุณาจากคณะทำงานจังหวัดได้ให้แนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ พิจารณาอายุมีความเหมาะสมต่อการกู้หรือไม่ ตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้กู้ลักษณะของสถานที่ประกอบการมีลักษณะเป็นการเช่าหรือเป็นเจ้าของ โครงการมีความซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่นๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่ โดยต้องมีการวางแผนงานงบประมาณที่ชัดเจน ในความดูแลของเครือข่ายส่วนราชการต่างๆ และสร้างความช่วยเหลืออย่างครบวงจร ในส่วนของจังหวัดตรัง มีการบริหารจัดการหนี้ลดลงได้เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ 7.39 % โดยอาศัยการบริหารงานด้วยการวางแผนร่วมกันระหว่างพัฒนาการจังหวัดและคณะทำงานขับเคลื่อนสตรีในทุกระดับ ต่อการบริหารจัดการกลุ่มหนี้เสีย โดยการเข้าไปสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากอะไร แล้วจึงนำปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุย วางแผน ร่วมกันเพื่อเร่งติดตาม และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน

ดร.วันดี กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดต่อการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีได้อย่างยั่งยืน พวกเราต้องรวมพลัง จับมือกัน สร้างเครือข่ายในแต่ละจังหวัด เพิ่มพูนความรู้ พัฒนาศักยภาพกลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการสร้างพลังสตรีสู่การพัฒนาชุมชน เพื่อนำความรู้ไปช่วยในการสร้างจุดแข็ง เสริมจุดอ่อนในการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในแต่ละจังหวัดให้มีประสิทธิภาพเกิดความยั่งยืน และร่วมกันให้คำมั่นต่อพี่น้องสตรีในการติดตามการบริหารจัดการหนี้ค้างชำระสู่เป้าหมายร้อยละ 10 เพื่อยกระดับการบริหารจัดการหนี้ ตามแนวทาง “Change for good” ต่อไป

แหล่งที่มา: เผยแพร่: ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เรียบเรียง : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมกรบริหารสภาสตรีแห่งชาติ

๕๙๗. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ขอบคุณ องค์กรสมาชิก และภาคีเครือข่าย ตลอดจนพี่น้องประชาชน ที่ร่วมกันชื่นชม อุดหนุนสินค้าจากฝีมือคนไทย ในงาน “OTOP City 2020 “

วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมถ์ ได้กล่าวขอบคุณ ท่านรองประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร ท่านนายกองค์กร กรรมการ พร้อมด้วยสมาชิก และภาคีเครือข่าย ที่ร่วมกันชื่นชม อุดหนุนสินค้าจากฝีมือคนไทย มอบความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาของคนไทย ช่วยเศรษฐกิจฐานรากไทยเข้มแข็ง ” ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ภายใต้แนวคิด “ของขวัญปีใหม่ ล้ำค่าถูกใจ รวมไว้ใน “OTOP City 2020” โดยมีมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ให้ผู้มาเที่ยวชมงานได้เลือกซื้อสินค้า ได้ของถูกใจ ได้ช่วยเศรษฐกิจฐานรากไทยเข้มแข็ง ณ อาคารชาเลนเจอร์ ๑ – ๓ อิมแพค เมืองทองธานี

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ