๖๕๒. สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ชู กิจกรรมสร้างความสุขพลังบวก ครอบครัว โรงเรียน วัด ร่วมกับวัดโนนไฮวนาราม และวัฒนธรรมจังหวัด และผุ้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น สร้างฐานรากให้สังคมเข้มแข็ง

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๓๐ น.พระเดชพระคุณพระครูวรธรรมธัช ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการ ” วัยแก้ว วัยใจ เติมวัคซีนใจ สานสายใย ส่งเสริมคุณธรรม” และให้โอวาทธรรมแก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยมี นางอุมารินทร์ เลิศสหพันธ์ นายกสมาคม สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ นำคณะกรรมการและสมาชิก เข้าร่วมโครงการฯ ร่วมกับวัดโนนไฮวนาราม และวัฒนธรรมจังหวัด ผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น โดยมีกลุ่มเข้ากิจกรรมประกอบด้วย เยาวชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๓๐ คน ผู้ปกครอง และผู้สูงวัย จำนวน๓๐ คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีจำนวนทั้งสิ้น ๖๐ คน นอกจากนี้ สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ ได้มอบผ้าห่มให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม คนละ ๑ ผืน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้สมาคมฯ ได้ถวายปัจจัย จำนวน ๒๐,๐๐๐บาท เพื่อร่วมสร้างอุโบสถ ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ณ วัดโนนไฮวนาราม บ้านโคกกว้าง ตำบลไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์
นางอุมารินทร์ เลิศสหพันธ์ กล่าวว่าสมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ เป็นองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ การจัดโครงการ ” วัยแก้ว วัยใจ เติมวัคซีนใจ สานสายใย ส่งเสริมคุณธรรม” สมาคมฯ ใช้งบประมาณ จำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท ด้วยตระหนักถึงสถานการณ์ของเด็กและเยาวชนที่เป็นอยู่ ความต้องการให้พ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย โดยถอดบทเรียนจากสังคมของชุมชนท้องถิ่นสมัยในอดีต รุ่นปู่ย่าตายาย นำมาประยุกต์ใช้ในแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน จึงร่วมกับวัดโนนไฮวนาราม และวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น นำผู้ปกครองและเยาวชน ได้มีกิจกรรมร่วมกัน ใช้หลักพระธรรมทางพระพุทธศาสนา สื่อสาร พูดจาดีต่อกัน รับฟังกันมากขึ้น ลดพลังลบในตัวของอีกฝ่าย ให้ได้ระบายออกมา “คิดก่อนพูด ฟังกันให้มากขึ้น” ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว พูดคุยปรับทุกข์ ปลอบด้วยเหตุผล เป็นการเสริมแนวคิดการถ่ายพลังบวกให้กับอีกฝ่าย การแบ่งปันใส่ใจจากคนในครอบครัว ทั้งการสัมผัส โอบกอด พูดคุยแสดงความรู้สึกดีๆ บอกกล่าวถามไถ่ ใส่ใจกับปัญหาและความทุกข์ของคนในบ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นการ เติมพลังบวกสร้างความรักความเข้าใจ เข้าสู่สถาบันการศึกษา มีครูอาจารย์ที่มีเมตตาต่อเด้ก โดยมีสถาบันศาสนา เป็นหลักพระธรรมพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือ จากผู้นำในชุมชน และหน่วยงานในท้องถิ่น ตลอดจนภาคประชาสังคม และสมาคมสตรีอาเซียนฯ มีความภาคภูมิใจ ที่โครงการดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะผลิตเยาวชน เติบโต ขึ้นมาจากครอบครัวที่อบอุ่น จากสถาบันการศึกษาที่ดี ได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลา เชื่อว่าเด็กๆ ก็จะซึมซับการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ แล้วนำมาปฏิบัติตาม เติมโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระต่อสังคม ก้าวขึ้นไปสู่การ “เป็นเด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ” หรือ “เด็กคืออนาคตของชาติ”เป็นฐานรากช่วยให้สังคมเข้มแข็ง ส่งผลให้ประเทศมั่นคง เจริญรุ่งเรืองสืบไป

รายงานภาพข่าว : สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คระกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๕๑. สมาคมสตรีภูเก็ต องค์สมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วมพิธี วางพวงมาลาสดุดี วีรสตรี ผู้กล้าหาญ ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ครบรอบ ๒๓๔ ปี (๑๓ มีนาคม ๒๓๒๘ ) การปกป้องเมืองถลางจังหวัดภูเก็ต รอดพ้นจากการถูกยึดครองอย่างกล้าหาญ

วันเสาร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. นางพรพินิจ พัฒนสุวรรณา นายกสมาคมสตรีภูเก็ต องค์สมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการ เข้าร่วม ในพิธีวางพวงมาลาสดุดีวีรกรรมท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร โดยมีภาครัฐ และภาคเอกชน ประกอบ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรสตรี เพื่อเชิดชูเกียรติประวัติและให้อนุชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนที่ได้เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตในการปกป้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานได้จนถึงทุกวันนี้ ณ บริเวณอนุสรณ์สถานเมืองถลาง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
จังหวัดภูเก็ต กำหนดจัดงานวัฒนธรรม ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ประจำปี ๒๕๖๔ ระหว่างวันที่ ๖ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ มีกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วย การจัดพิธีอุปสมบทหมู่ อุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนผู้กล้าเมืองถลาง ระหว่างวันที่ ๖ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ วัดเทพวนาราม (ม่าหนิก) โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร , การจัดพิธีทำบุญตักบาตร และพิธีบวงสรวงปู่ย่า ตายาย บรรพชนผู้กล้าเมืองถลาง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ สวนพระพุทธศาสนาวัดม่วงโกมารภัจจ์ โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี , การจัดพิธีวางพวงมาลา และสดุดีวีรกรรมท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ในวันที่ วันเสาร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร (สี่แยกท่าเรือ) โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และเทศบาลตำบลศรีสุนทร โดยทุกกิจกรรมผู้ร่วมงานต้องปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-๑๙ (D-M-H-T-T) ได้แก่ D – Distancing = เว้นระยะห่างระหว่างกัน M – Mask Wearing = สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยเสมอ H – Hand Washing = ล้างมือบ่อย ๆ T – Temperature Check = ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และสังเกตอาการ T – Thaichana = ติดตั้งและสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ อย่างเคร่งครัด สำนักงาน


ประวัติโดยย่อท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
แม่ทัพใหญ่ยี่หวุ่นคุมกำลัง ๓,๐๐๐ คน เข้าตีหัวเมืองทางชายฝั่งทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมืองกระ ตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ค่ายปากพระ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เมืองถลางขุมคลังของสยาม ข่าวทัพเรือพม่าบุกโจมตี กอปรกับเจ้าเมืองถลางเสียชีวิตเป็นข่าวร้ายที่ทำร้ายจิตใจชาวเมืองถลางให้อยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีที่พึ่งหมดหวัง แต่พลังใจทั้งมวลกลับตั้งมั่นด้วยจิตใจที่เข็มแข็งของท่านผู้หญิงจันและคุณมุกน้องสาว โดยได้นำกำลังจากบ้านสาคู บ้านในยาง บ้านดอน บ้านไม้ขาว บ้านแขนน บ้านลิพอน บ้านเหรียงมาเตรียมการรบ ณ ค่ายข้างวัดพระนางสร้าง ฝ่ายพม่ายกทัพเข้ามาเร่งก่อสร้างค่ายบริเวณทุ่งนา (โคกชนะพม่า) เพื่อเตรียมโจมตีเมืองถลาง ส่วนท่านผู้หญิงจัน คุณมุกและคณะกรมการเมืองวางแผนตั้งค่ายประชิดค่ายข้าศึก เตรียมปืนใหญ่ตรึงไว้ดึงเวลาได้หลายวันเป็นผลให้เสบียงอาหารของพม่าลดน้อยลง และวางแผนให้กลุ่มผู้หญิงแต่งตัวคล้ายทหารไทย เอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกมาถือแทนอาวุธ ทำทียกขบวนเข้าเมืองถลางในช่วงดึกลวงพม่าว่าเมืองถลางมีกำลังมาเสริมทุกคืน ทำให้พม่าคาดการณ์กองกำลังเมืองถลางผิดพลาด การศึกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 1 เดือนเศษ กำลังพม่าทั้งอ่อนล้าและขาดเสบียงอาหาร เมื่อพม่าตั้งพลเข้าโจมตีถูกฝ่ายเมืองถลางระดมยิงปืนเล็กปืนใหญ่ นำเอาดินประสิวไปโปรยในกองทัพพม่ายิงคบเพลิงเข้าไปผสมตามยุทธวิธีพระพิรุณสังหาร ครั้นเมื่อชาวเมืองถลางยิงปืนใหญ่แม่นางกลางเมืองถูกต้นทองหลางหน้าค่ายพม่าหักลง กองทัพพม่าระส่ำระสายเสียขวัญ และแตกทัพไปเมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗ ตรงกับวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๒๘ เป็นวันถลางชนะศึกเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบำเหน็จผู้ทำคุณแก่แผ่นดิน ให้ท่านผู้หญิงจันเป็น ท้าวเทพกระษัตรี คุณหญิงมุกน้องสาวเป็น ท้าวศรีสุนทร ดำรงยศอันมีศักดิ์แก่ฐานานุรูป เป็นศรีแก่เมืองถลาง และวงศ์ตระกูลสืบไป.

ที่มา : https://www.pwa.co.th/news/view/88016
รายงานข่าว: สมาคมสตรีภูเก็ต องค์สมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพัรธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๕๐. สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน(ส.อ.รฺ.ด)จังหวัดกาฬสินธ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกิจกรรมธารน้ำใจหลังไหลสู่งานกาชาด เชิญชวนองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯและประชาชนทั่วไป เที่ยวงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔

วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. ดร.อัจฉรา พรสีมา ประธานสมาคมสตรีอาสาสมัคร รักษาดินแดน(ส.อ.ร.ด )ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูภัมถ์ นำกรรมการและสมาชิก บริจาคเงิน พร้อมด้วยของรางวัล ร่วมกิจกรรม ธารน้ำใจหลังไหลสู่งานกาชาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔ โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ รับมอบสิ่งของจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ได้ร่วมนำสิ่งของมามอบให้ในงานวันรวมน้ำใจสู่กาชาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์กำหนดจัดงาน มหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔ ในระหว่างวันที่ ๑๖ – ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ (หลังเก่า) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ดร.อัจฉรา พรสีมา กล่าวว่าในโอกาสนี้ สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน(ส.อ.รฺ.ด)จังหวัดกาฬสินธ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ขอเชิญชวนองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมสนับสนุนซื้อสลากกาชาด และ เที่ยวงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔ ซึ่งทางจังหวัดกาฬสินธุ์ กำหนดหมุนวงล้อสลากกาชาด ในคืนสุดท้ายของงาน วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ เริ่มเวลา ๒๐.๐๐ น. โดยผู้สนใจสามารถซื้อสลากกาชาดได้ภายในงาน จำหน่ายฉบับละ ๑๐๐ บาท ซึ่งรางวัลสลากกาชาด มีรางวัลที่ ๑ รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ รุ่น ๒.๔ G รางวัลที่ ๒ รถยนต์กระบะตอนเดียวโตโยต้า รุ่น Hilux Revo ๒.๔ Entry MT รางวัลที่ ๓ รถจักรยานยนต์ รางวัลที่ ๔ ทองคำหนัก ๑ บาท รางวัลที่ ๕ ทองคำหนัก ๒ สลึง และรางวัลที่ ๖ จักรยาน ขนาด ๒๔ นิ้ว โดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้เหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบสาธารณภัย และครัวเรือนยากจน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง ตามโครงการกาฬสินธุ์แฮปปี้เนสโมเดล คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังต่อไป
รายงานภาพ/ข่าว : สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน(ส.อ.รฺ.ด)จังหวัดกาฬสินธ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๙. สมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัด พระนครศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับองค์กรเครือข่ายสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมภาคีเครือข่าย จัดงานวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรหลานสมาชิกพัฒนาสตรี

วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางนวลจันทร์ แย้มศรี ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ นายกิจจา ทองแดง พัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการกลุ่มงานฯ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด/อำเภอ และคณะกรรมพัฒนาสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมี นางพรทิพย์ ตั้งกีรติ นายกสมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัด พระนครศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน ณ โดมอเนกประสงค์ วัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ องค์กรเครือข่ายสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานราชการ ได้จัดงาน “วันสตรีสากล" ขึ้นเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้เพื่อการคุ้มครองพิทักษ์ สิทธิของสตรี โดยกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาสตรีให้มีขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสตรีในหมู่บ้าน ตำบลด้วยตนเอง โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาสตรีขึ้นทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค และระดับประเทศอีกทั้งสนับสนุนให้สตรีมีบทบาทสำคัญด้านต่างๆ เท่าเทียมกับบุรุษอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงทำให้บทบาทสตรี เป็นที่ยอมรับจากสังคมโดยทั่วไป โดยในแต่ละปี ได้ส่งเสริมให้สตรีทุกจังหวัด ร่วมกันจัดกิจกรรมที่แสดงออกถึงพลังความรัก ความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจ ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่น โดยภายในงานมี การมอบทุนการศึกษาของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย จำนวน ๒๐ ทุน การมอบทุนการศึกษาจากองค์กรเครือข่ายสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๑๖อำเภอ จำนวนเงิน ๑,๗๕๒,๗๘๐ บาท การมอบสิ่งของอุปโภค - บริโภค บรรเทาทุกข์แก่สตรี จำนวน ๒๐๔ คน รวมถึงมีการตั้งจุดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการฝึกอาชีพต่างๆ การจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มสตรี และจัดการประกวดการแต่งชุดไทยอย่างไรให้สนุก จากทั้ง ๑๖ อำเภอ อีกด้วย

รายงานข่าว: สมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัด พระนครศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๘. สภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี ๒๕๖๔ จัดโดยกระทรวงแรงงาน

ด้วยสภาสตรีแห่งชาติฯ ได้รับเชิญจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ และร่วมเป็นกรรมการคัดสรร “สตรีทำงานดีเด่น” เพื่อมอบโล่รางวัล “สตรีทำงานดีเด่น” ๓๒ รางวัล เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ เพื่อมุ่งหวังให้สตรีทำงานใช้เป็นต้นแบบในการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อพัฒนาศักยภาพตนเอง และนำไปสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืนโดยได้รับเกียรติ จากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล และมอบโล่รางวัลสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๔ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่นกรุงเทพมหานคร

สำหรับการจัดงาน วันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ นี้ ได้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “แรงงานสตรี รวมพลังฝ่าวิกฤต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน” ซึ่งในปีนี้มีสตรีเสนอผลงานเข้ารับการพิจารณา จำนวน ๒๖๑ คน และได้รับการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น ๓๒ คน จาก ๘ ประเภทรางวัล อาทิ ดร.อนงค์ศรี สิทธิอาษา ประธานกรรมการ บริษัทเชียงรายแลนด์กรุ๊ป กรรมการอำนวยการสภาสตรีแห่งชาติ สมัยที่ ๒๕ ได้รับรางวัล ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีนักบริหารเอกชน (นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบกิจการ) สถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ (ลูกจ้างตั้งแต่ ๕๐๐ คน ขึ้นไป) และนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นางอัฌนา พรหมประยูร รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น นางสาวปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประเภทศิลปินสตรีดีเด่น นางพูนทรัพย์ สวนเมือง ตุลาพันธ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ ประเภทสตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการเสวนาโดยวิทยากรที่เป็นสตรีผู้ที่เคยได้รับโล่รางวัลสตรีทำงานดีเด่นปีที่ผ่านมา ได้แก่ นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ การแสดงนิทรรศการสตรีทำงานดีเด่น และการแสดงผลิตภัณฑ์ของสตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น อีกด้วย
ภาพ/ข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๗. สภาสตรีแห่งชาติฯ ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี ๒๕๖๔ จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

วันนี้ (๘ มีนาคม ๒๕๖๔) เวลา ๑๐.๐๐ น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ ภายใต้แนวคิด “เสริมพลังสตรีและเด็กหญิงสู่ความเสมอภาคร่วมตัดสินใจ ไร้ความรุนแรง” พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น จำนวน ๑๕ สาขา จำนวน ๔๒ รางวัล โดยมี นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณฯ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น ๒ กระทรวง พม. ถนนกรุงเกษม สะพานขาว กรุงเทพฯ
สภาสตรีแห่งชาติฯ ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี ๒๕๖๔ จำนวน ๔๒ รางวัล ซึ่งในส่วนสภาสตรีแห่งชาติฯ มีผู้ได้รับรางวัลหลายประเภท ประกอบด้วย
สตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลและภาคเอกชน ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี รองประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้รับรางวัล สตรีดีเด่นในเวทีเครือข่ายระดับสากล ประเทศบุคลากรภาคเอกชน
สตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลภาครัฐ รองศาสตราจารย์ ดร.เรณู พุกบุญมี ผู้อำนวยโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดีและแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพมหานคร ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลภาครัฐ
ประเภทนักธุรกิจสตรีดีเด่น (ภาคกลางและภาคตะวันออก) คุณณัฏฐ์ปภาณ จันทร์ละมูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ /บริษัท เดแอนด์แซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด นครปฐมได้รับรางวัล นักธุรกิจสตรีดีเด่น (ภาคกลางและภาคตะวันออก)

เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๖. สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสตรีแห่งชาติฯ ขอความเห็นชอบคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน Run For Charity By Women

วันพฤหัสบดีที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๐๐ น. นายวีระพันธ์ ดีอ่อน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ประชุมขอความเห็นชอบจัดกิจกรรม ช่วงการระบาด Covid-๑๙ เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือเด็กในถิ่นธุรกันดาร ตามโครงการปันน้ำใจเพื่่อน้อง ในถิ่นทุรกันดาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และนางสาววรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรรมการอำนวยการสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ (พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๖๔) พร้อมด้วยกรรมการและสมาชิกสมาคมฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ จัดทำโครงการปันน้ำใจเพื่่อน้อง ในถิ่นทุรกันดาร โดยจะจัดกิจกรรม Run For Charity By Women's Association of Chiangmai เพื่อนำรายไ ด้ ไปช่วยเหลือเด็กในถิ่นธุรกันดาร กำหนดจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ กองพลทหารราบที่ ๗ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่่อนำรายได้ หลังหักค่าใช้จ่าย มอบให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองแขม ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ปรับปรุงอาคารห้องเรียนอนุบาล ปรับปรุงห้องน้ำ และทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ สาธารณกุศลในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ได้นำเสนอมาตรการในการจัดกิจกรรม Run For Charity เพื่อให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณามาตรการ และอนุมัติให้จัดกิจกรรมดังกล่าวต่อไป

รายงานภาพข่าว : สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๕. กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ขอความร่วมมือ สภาสตรีแห่งชาติฯ เชิญชวนองค์กรสมาชิกเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" ให้สังคมตระหนักเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท

ด้วยกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอความร่วมมือ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เชิญชวน องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ และภาคีเครือข่าย นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร เปิดรับผลงานตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ กำหนดประกาศผลการตัดสินภายในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
สภาสตรีแห่งชาติฯ จึงขอเชิญชวน ให้องค์กรสมาชิก และภาคีเครือข่าย นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าประกวด หรือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ผู้สนใจ ได้รับทราบ การประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งให้สังคมได้ตระหนักเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ ทั้งนี้สามารถติดต่อสอบถามโดยตรงที่ กลุ่มบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่ www.dwf.go.th โทรศัพท์/โทรสาร. ๐ ๒๖๔๒ ๗๗๔๒
E-mail : th.genderequality@gmail.com หรือสแกน QR Code ตามแนบในภาพข่าว
การประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" จัดโดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ ประจําปี ๒๕๖๔ และเปิดโอกาสให้ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา มีส่วนร่วมในการพัฒนาเนื้อหาและรูปแบบการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เรื่องความเท่าเทียม ระหว่างเพศอย่างมีคุณภาพ สร้างสรรค์ หลากหลาย ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมปัจจุบัน
คุณสมบัติผู้ส่งผลงานเข้าประกวด แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้
๑. ประเภทนักเรียน นิสิต/นักศึกษา
๒. ประเภทประชาชนทั่วไป
(ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้บุคลากรในกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเข้าร่วมประกวด)

คุณสมบัติประเภทสื่อที่จัดประกวด แบ่งเป็น ๓ ประเภท ดังนี้
๑. สปอตโฆษณา
๒. สารคดีสั้น
๓. โปสเตอร์ออนไลน์
กำหนดระยะเวลา
เปิดรับผลงานตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔
ประกาศผลการตัดสินภายในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
รางวัลการประกวด แบ่งเป็น ๒ ประเภท
๑. ประเภทนักเรียน นิสิต/นักศึกษา
สปอตโฆษณา
รางวัลชนะเลิศ ๒๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
สารคดีสั้น
รางวัลชนะเลิศ ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๒,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
โปสเตอร์ออนไลน์
รางวัลชนะเลิศ ๘,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๓,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
ประเภทประชาชนทั่วไป
สปอตโฆษณา
รางวัลชนะเลิศ ๒๕,๐๐๐บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
สารคดีสั้น
รางวัลชนะเลิศ ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๒,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
โปสเตอร์ออนไลน์
รางวัลชนะเลิศ ๘,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๓,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงที่ กลุ่มบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
โทรศัพท์/โทรสาร. ๐ ๒๖๔๒ ๗๗๔๒
E-mail : th.genderequality@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม Downloads: สมัครออนไลน์
Tags: ประกวดสื่อสร้างสรรค์ File attachments:
รายละเอียดเพิ่มเติม ใบสมัคร
Deadline: 25 Feb 2021 09:00 to 30 Apr 2021 16:30

ที่มา: หนังสือที่ พม. ๐๕๐๔/ว๔๙๑ ลว. ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๔. สามองค์กรหลักสตรี องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในจังหวัดอุดรธานี ร่วมเป็นเจ้าภาพไถ่ชีวิตโคกระบือ รอดพ้นจากความตาย ถวายเจ้าอาวาสวัดพระธาตุบังพวน มอบให้ชาวนา ชาวสวน ที่มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ รับไปเลี้ยง ประกอบอาชีพทำการเกษตรตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจ

วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ที่วัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี รศ.ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานี พญ.เฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี คณะกรรมการและสมาชิกทั้ง ๓ องค์กร ได้ร่วมกันบริจาคเงินจำนวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ถวายให้พระอาจารย์ทวี มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย เพื่อนำไปไถ่ชีวิตโคกระบือจำนวน ๑๘ ตัว รวมกับองค์กรอื่นอีก ๕๕ ตัว รวมทั้งสิ้น ๗๓ ตัว ที่พระอาจารย์ทวี มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุบังพวน ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์และตลาดนัดโคกระบือ เพื่อนำมาทำพิธีมอบให้ชาวนา ชาวสวน เกษตรกรที่มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ และรักสัตว์ นำไปเลี้ยงเพื่อใช้งาน ห้ามขาย (ตามข้อตกลงสัญญาของผู้รับโคกระบือไปเลี้ยงห้ามนำไปขายต่อ) โดยจัดให้มีการจับสลากและรับตามหมายเลขที่จับได้ แล้วนำกลับไปเลี้ยงเพื่อการประกอบอาชีพ ของเกษตรกร ต่อไป
นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่าในโอกาสนี้ สามองค์กรหลักสตรี องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วย สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานี สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี คณะกรรมการและสมาชิกทั้ง ๓ องค์กร ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ตั้งโรงทานข้าวมันไก่ ๕๐๐ จาน และโรงทานน้ำดื่ม กาแฟเย็น ชาไทย ชาเขียว มันม่วงเย็น มูลค่า ๔๐,๐๐๐ บาท ด้วยอานิสงส์ผลบุญ ของความมุ่งมั่น ทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์ไถ่ชีวิตโคกระบือ ให้รอดพ้นจากความตายและ การจัดตั้งโรงทาน ขออนุโมทนา บุญร่วมกัน ให้ทุกท่านได้รับอานิสงส์นี้ คือมีอายุที่ยืนยาวปราศจากสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพภัย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สาธุ

รายงานภาพข่าว : สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธา
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์

๖๔๓. สภาสตรีแห่งชาติฯ จับมือกรมการพัฒนาชุมชน เปิดพิธีฝึกอบรม พร้อมมอบกี่ทอผ้า โครงการ “ส่งเสริมผู้ประกอบการทอผ้าจังหวัดตราด” ส่งผลให้ ๗๗ จังหวัด ในประเทศไทยมีการทอผ้าครบทุกจังหวัด หนุนกลุ่มอาชีพทอผ้าเสริมความรู้ สร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

วันที่ ๑ มีนาคม 2564 เวลา ๑๓.๐๐ น.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมทักษะการทอผ้าและส่งมอบกี่ทอผ้า พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยมีนายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมเป็นเกียรติในการฝึกอบรมและมอบกี่ทอผ้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ฝึกทักษะการทอผ้าให้แก่ผู้สนใจ และจัดตั้งกลุ่มอาชีพการทอผ้าในพื้นที่ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่อำเภอแหลมงอบ จำนวน ๒ กลุ่ม จำนวน ๒๕ คน ซึ่งได้มอบกี่ทอผ้าให้แก่ กลุ่มทอผ้าโรงเรียนบ้านธรรมชาติล่าง จำนวน ๑๐ หลัง และกลุ่มทอผ้าโรงเรียนวัดบางปิดล่าง จำนวน ๑๕ หลัง รวมจำนวน ๒๕ หลัง โดยมีนายณกรณ์ ตั้งหลัก วิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านผ้าไทยจากจังหวัดมหาสารคาม มาให้ความรู้ และฝึกปฏิบัติการทอผ้า ระหว่างวันที่ ๑ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ รวม ๓๐ วัน ณ โรงเรียนบ้านธรรมชาติล่าง ตำบลคลองใหญ่ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวขอบคุณ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ที่เป็นภาคีเครือข่ายของกรมการพัฒนาชุมชนมาอย่างดี และนายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด รวมถึงนายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางสาวเบญจมาส วงษ์สุวรรณ ผู้ตรวจราชการกรม และนายมนตรี ฮมแสน พัฒนาการจังหวัดตราด รวมถึงผู้ประกอบการ OTOP จำนวน ๒๔ ราย ที่มอบกี่ทอผ้า ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ผ้าไทยในประเทศไทยที่มีการทอผ้าทั้ง ๗๗ จังหวัด โดยจังหวัดตราด เป็นจังหวัดที่ ๗๗ ในการทอผ้า การทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงมายาวนานคือ กลุ่มบ้านครัว สะพานหัวช้าง เป็นกลุ่มทอผ้าที่มีอายุมากกว่า ๒๐๐ ปี มาจนถึงทุกวันนี้
ในสมัยอดีตจังหวัดตราดได้มีการทอผ้า แต่ได้ห่างหายไป จึงร่วมชาวชุมชน และหลายภาคส่วน ในจังหวัดตราด กระตุ้น ฟื้นฟู ศิลปวัฒนธรรมการทอผ้าของคนจังหวัดตราด ขึ้นมา เพื่ออนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยไว้ ตามที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชดำรัสแก่ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ทราบในประเทศไทยมีการทอเกือบทุกจังหวัด ยกเว้น ๓ จังหวัด ที่ไม่มีผ้าเป็นของตัวเอง คือ สมุทรสาคร สมุทรปราการ และตราด แต่ในช่วง 2 ปี โดยสมุทรสาครมีรูปแบบผ้าปักลายปลาทู เช่นเดียวกับสมุทรปราการก็มีการทอผ้าแล้ว เป็นความโชคดีของจังหวัดตราด ที่ทำให้เกิดความตื่นตัวอยากทอผ้า ในการรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นของบรรพบุรุษ เพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระองค์ทรงรื้อฟื้นผ้าทั่วประเทศ เป็นการสนองงาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงอยากเห็นคนไทยคงรักษาภูมิปัญญาผ้าไทย และที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชปณิธาน ในวันสตรีไทย 1 สิงหาคม 2562 จะสนองพระเดชพระคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานแห่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เหมือนดั่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด และแผ่ขยายพระบารมีแห่งสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี ดำรงรักษาผ้าถิ่นไทยไว้ รวมถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย ในการที่จะสืบสาน แนวพระราชปณิธานของสมเด็จพระพันปี ทรงศึกษาเรื่องผ้า คิดค้น รวมทั้งพระราชทานลายผ้า “ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ผ่านกรมการพัฒนาชุมชน สู่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก จึงอยากเชิญชวนให้ทุกท่านเห็นความสำคัญ และสนใจเข้าร่วมศึกษา อยากเห็นผ้าไทยคู่กับคนไทย ด้วยฝีมือของคนไทยทุกจังหวัด ทั้งนี้ ได้เชิญ อาจารย์ณกรณ์ ตั้งหลัก ผู้เชี่ยวชาญด้านการทอผ้า ที่อนุรักษ์ สืบสานผ้าถิ่นไทยที่มีฝีมือการทอผ้า และความรู้ทอผ้าทั่วประเทศ จนกระทั่งสมเด็จราชชินีพระราชทานแต่งตั้ง เป็นขุนพลของผ้าไทยของพระองค์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและฝีมือแก่วิทยากรที่มามอบองค์ความรู้แก่สมาชิก ขอให้ทุกคนตั้งใจและรับเอาความรู้จากวิทยากรมาอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาการทอผ้าของเราให้คงยั่งยืนต่อไป

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีผู้ที่จะร่วมเป็นประวัติศาสตร์ของจังหวัดตราดในการที่จะสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยให้ดำรงไว้ในแผ่นดินประเทศไทยของเรามีความโชคดีมากๆ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชินีพันปีหลวง เสด็จไปทุกหนแห่งของประเทศไทย มากกว่า ๕๔๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขอให้พระองค์ท่านดูแลในเรื่องของอาชีพสตรีในการพลิกฟื้นผ้าไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของประเทศชาติ ได้พลิกฟื้นให้การทอผ้าไทยเป็นอาชีพเสริมของพี่น้องสตรีที่ว่างเว้นจากการทำนา จากการลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มีโอกาสรับฟังเรื่องราวของของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงเล่าเรื่องในหลายๆ หมู่บ้าน เช่น จังหวัดนครพนมได้มีการส่งข้าหลวง ให้มาช่วยชาวบ้านในการทอผ้า เพื่อสวมใส่เองและจำหน่าย จนกระทั่งทำให้ชีวิตของสตรี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในช่วงแรกตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ ได้จัดทำโครงการตามรอยผ้าไทยลมหายใจแม่ของสตรี หวังส่งเสริมการทอผ้าไหมให้อยู่คู่แผ่นดินไทย และนับเป็นความโชคดีของพวกเราที่ได้เกิดมาทดแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระพันปีหลวง ซึ่งได้ทรงพระราชทานชีวิตให้กับผ้าไทยและผ้าไทยทุกผืนที่พี่น้องกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ของจังหวัดตราด ดังเช่นการส่งเสริมการทอผ้าทั้ง ๔ ภาค ส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ และความมั่นคงในชีวิตด้วยผ้าไทย ดั่งที่พระมหากรุณาธิคุณเปรียบเสมือนดั่งสายฝนที่ทุกครัวเรือนได้รับโดยถ้วนหน้า ต่อมาได้มีการทำโครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน โดยมุ่งเน้นพี่น้องสตรีและสุภาพบุรุษที่มีศักยภาพในการทอผ้า โดยเน้นการเล่าเรื่องราวชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในผืนผ้า เป็นเรื่องที่สืบสานมาจากบรรพบุรุษ และเอามาเผยแพร่ รณรงค์ให้พวกเราร่วมกันสวมใส่ผ้าไทย เราจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ในช่วงหลังจากวิกฤตโควิด-๑๙ โดยการอนุรักษ์ผ้าไทย เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง สมเด็จพระพันปีหลวงพระราชทานหน้าที่ของสตรีไว้ ๔ ประการ ๑) เป็นแม่บ้านที่ดีของบ้าน ๒) เป็นแม่ที่ดีของลูก ๓) สืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นถิ่นการทอผ้า ๔) การพัฒนาตัวเองในด้านการทอผ้า จากผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถ ผลิตผ้าที่เป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของจังหวัดตราด สร้างความภาคภูมิใจให้ลูกหลานต่อไป และสุดท้ายนี้กรมการพัฒนาชุมชนกับองค์กรสตรีในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความมุ่งมั่นโน้มน้าวผลักดันให้คนในประเทศทั้ง ๓๕ ล้านคน มาร่วมกันใส่ผ้าไทย เพียงซื้อผ้าเพิ่มคนละ ๑ เมตร เม็ดเงินกว่าแสนล้านบาท จะคืนสู่ชุมชนทั่วประเทศ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่านที่ได้มุ่งมั่นทำภารกิจนี้ อย่างเต็มความสามารถ เป็นพันธกิจความมุ่งมั่นที่เราจะมีสัจจะร่วมกัน ที่จะเนรมิตผืนผ้าไทย ให้เป็นภาพสวยงามของจังหวัดตราด และสามารถสวมใส่ได้อย่างภาคภูมิใจในการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ให้ดำรงคงอยู่ต่อไป


นายสุทธิพงษ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสนี้ขอขอบคุณ กลุ่มทอผ้าโรงเรียนบ้านธรรมชาติล่างและกลุ่มทอผ้าโรงเรียนวัดบางปิดล่าง ที่ช่วยกันรวมกลุ่ม รวมถึงพี่น้องกลุ่ม OTOP ที่ช่วยบริจาคกี่ทอผ้าแก่กลุ่ม ช่วยกันดูแล สร้างสิ่งดีๆ ถักทอบนพื้นผ้าต่อไป แสดงให้เห็นนิมิตรหมายที่ดี ของการรวมกลุ่มเพื่อสนองแนวพระราชดำริ ในการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ในการส่งเสริมการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เช่นเดียวกับทางสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว รณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทย ตามรอยแม่ของแผ่นดิน พระพันปีหลวง ตามพระองค์ท่านพระราชดำเนินส่งเสริมผ้าไทยในพื้นที่ต่างๆ เช่น นครพนม แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น ปัตตานี ภูเก็ต และอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจแก่กลุ่มทอผ้า อย่างต่อเนื่อง จนถึงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ ให้ถือว่ามาตรการส่งเสริมสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย เป็นนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ข้าราชการ ประชาชน แต่งกายด้วยผ้าไทย ตามความเหมาะสมของท้องถิ่นเพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน อีกทั้งยังให้ทุกกระทรวงรณรงค์การใช้และสวมใส่ผ้าไทยและผ้าพื้นเมือง เพื่อสร้างค่านิยม รักษามรดก อัตลักษณ์ภูมิปัญญาของไทย และอนุรักษ์ต่อยอดภูมิปัญญาพัฒนาผ้าไทย เพื่อเป็นสินค้าเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และเป็นการส่งเสริมเผยแพร่เรื่องราวของผ้าให้ลูกหลานและสังคมได้รับรู้ ผ่านการจัดนิทรรศการ และส่งเสริมการรวมมกลุ่มการทอผ้าให้มากขึ้น ผ้าไทยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการรักษาอัตลักษณ์ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไว้ไม่ให้สูญหาย แสดงให้เห็นถึงความกตัญญู มีหลักชัยที่สำคัญที่พระองค์ท่าน ส่งเสริม สนับสนุน การทอผ้า ที่ทำให้ ๗๗ จังหวัด มีการทอผ้าครบทุกจังหวัด

ในการนี้ นายสุทธิพงษ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบพืชผักสวนครัว ประกอบด้วย กะเพรา แตงกวา ผักบุ้ง คะน้า พริก จำนวน ๕๐๐ ซอง แก่ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๖ ตำบลคลองใหญ่ และ ได้มอบต้นกล้าผักสวนครัว แก่นายสุชาติ จิตมุ่งมโนธรรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางปิด มอบเมล็ดพันธุ์ผักตราศรแดง จาก บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด อีกจำนวน ๕๐๐ ซอง แก่ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๘ ตำบลบางปิด และมอบหนังสือสำหรับเด็กสำหรับห้องสมุดโรงเรียน จากร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ กรุงเทพ ผ่านกรมการพัฒนาชุมชน จำนวน ๑๐๐ เล่ม ให้แก่นางศิริรัตน์ โพธิ์ทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางปิดล่างอีกด้วย ดังนั้นถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดี ในการฝึกอบรมทักษะการทอผ้า ตามโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการทอผ้าจังหวัดตราด เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการทอผ้า สร้างมูลค่าการทอผ้า รักษา อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ผสมผสานความทันสมัยให้มีความน่าสนใจ ใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อมุ่งยกระดับผ้าไทยให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นในชุมชน และเน้นย้ำ ให้ทุกคนต้องอดทน จริงจังต่อการทอผ้า ฝึกฝนเอาความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติ ระหว่างการดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการทอผ้าจังหวัดตราด ทั้ง ๓๐ วันนี้ ขอเป็นกำลังใจ และขอบคุณสมาชิกกลุ่มทอผ้าทุกท่าน ที่ช่วยกันสานฝันคนไทยให้เป็นจริง ได้สวมใส่ผ้าไทยที่เป็นฝีมือบ้านเดียวกัน และฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด กรุณาให้ความเมตตาเป็นกำลังใจแก่สมาชิกกลุ่มทอผ้าทั้ง ๒ กลุ่ม เพื่อเป็นการรักษาความกตัญญูต่อการอนุรักษ์ผ้าไทยของบรรพบุรุษให้คงอยู่คู่แผ่นดิน ตลอดจนกระจายรายได้สู่ชุมชนฐานราก ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สร้างความมั่นคงด้านเครื่องนุ่งห่มแก่ประเทศชาติ และหวังว่าในอนาคตจังหวัดตราด จะสามารถผลิตผ้าทอ ที่ทรงคุณค่า มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์งดงามแก่สายตาชาวไทย และขอขอบคุณกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP จำนวน ๒๔ ราย ที่ได้บริจาคกี่ทอผ้า จำนวน ๒๕ หลัง แก่กลุ่มสมาชิกทั้ง ๒ กลุ่ม และขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และรองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ที่ช่วยดูแลมีความอนุเคราะห์ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ผ้าถิ่นไทยและทำให้การดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการทอผ้าจังหวัดตราดลุล่วงไปด้วยดี และสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ การจะนำความสุขไปสู่พี่น้องคนไทยต่อไปในอนาคต อธิบดี พช. กล่าว

ที่มา: กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน
เรียบเรียงข้อมูล : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ