๖๕๓. สภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน จับมือกรมหม่อนไหม เปิดงาน “มหกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเส้นไหมและผลิตภัณฑ์ไหมระดับประเทศ” จัดผู้ผลิตเส้นไหม พบผู้ทอผ้าไหม สร้างรายได้แก้ไขความยากจน อนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม อันล้ำค่า สู่ลูกหลาน สืบไป

วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเส้นไหมและผลิตภัณฑ์ไหมระดับประเทศไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายอัครชญ แก้วอาภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้า คณะกรรมการประกวดผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯของกรมการพัฒนาชุมชนโดย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ และมีนางนงลักษณ์ เกตุเวชสุริยา รองอธิบดีกรมหม่อนไหม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน หัวหน้าส่วนราชการ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมาและพัฒนาการจังหวัดทั้ง ๒๐ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ผู้ตรวจราชการกรม และคณะกรรมการดำเนินงานศูนย์กลางการซื้อขายเส้นไหมนครชัยบุรินทร์เข้าร่วมพิธี โดยมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการเส้นไหม และผลิตภัณฑ์ไหม ที่เข้าร่วมสาธิตพร้อมเดินแบบแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไหมของท้องถิ่นและนำผ้าทอมาจำหน่ายสินค้า จำนวน ๒๐ จังหวัด ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง ๕๕กลุ่ม/ราย จำแนกเป็นผู้ประกอบการประเภทเส้นไหม จำนวน ๗ ราย ประเภทผลิตภัณฑ์ไหม จำนวน ๔๘ กลุ่ม/ราย ระหว่างวันที่ ๒๐ – ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนย์วัฒนธรรมผ้าไหมนครชัยบุรินทร์ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ไหม และสินค้า OTOP การเดินแบบแฟชั่นผ้าไหม การสาธิตการทอผ้าไทย รวมถึงการเสวนาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมไทยสู่สากล และการซื้อขายแลกเปลี่ยนเส้นไหม และผลิตภัณฑ์ไหม ในการนี้ นางนงลักษณ์ เกตุเวชสุริยา รองอธิบดีกรมหม่อนไหม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน หัวหน้าส่วนราชการ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมาและพัฒนาการจังหวัดทั้ง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ผู้ตรวจราชการกรม และคณะกรรมการดำเนินงานศูนย์กลางการซื้อขายเส้นไหมนครชัยบุรินทร์เข้าร่วมพิธี โดยมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการเส้นไหม และผลิตภัณฑ์ไหม ที่เข้าร่วมสาธิตและจำหน่ายสินค้า 20 จังหวัด ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 55 กลุ่ม/ราย จำแนกเป็นผู้ประกอบการประเภทเส้นไหม จำนวน 7 ราย ประเภทผลิตภัณฑ์ไหม จำนวน 48 กลุ่ม/ราย ระหว่างวันที่ 20 – 21 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์วัฒนธรรมผ้าไหมนครชัยบุรินทร์ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา





นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวขอบคุณ รองอธิบดีกรมหม่อนไหม รองผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด สมาชิกภาคีเครือข่ายในพระบรมราชินูปถัมภ์ พี่น้องชาวพัฒนาชุมชนทุกท่าน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนและสนองแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และที่สำคัญ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด ภูมิปัญญาผ้าไทยให้คงอยู่เป็นอัตลักษณ์ของประเทศชาติ อีกทั้งยังพระราชทานลายผ้าขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่มีอาชีพทอผ้าได้ทอมาจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับครอบครัว สร้างความมั่นคงให้ชีวิต ผมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดทำศูนย์ซื้อขายเส้นไหมในครั้งนี้ ถือเป็นการทำงาน ที่แสดงออกถึงการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยร่วมกันสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานแห่งองค์สมเด็จพระพันปีหลวง ในการช่วยเหลือพี่น้องทุกจังหวัด ให้เกิดการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายกลุ่ม OTOP กลุ่มผู้เลี้ยงไหมปลูกหม่อน เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายผ้าไหม อันจะก่อให้เกิดรายได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีความร่วมสมัย สามารถก้าวไปสู่ระดับสากล

นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้คัดเลือกศูนย์วัฒนธรรมผ้าไหมนครชัยบุรินทร์ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการมหกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเส้นไหมและผลิตภัณฑ์ไหมระดับประเทศ เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการเส้นไหม และผลิตภัณฑ์ไหมได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนวัตกรรมในการพัฒนาเส้นไหม และผลิตภัณฑ์ไหมไทยให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นศูนย์กลางเส้นไหมระดับประเทศ ตลอดทั้ง เป็นการรณรงค์ให้เกิดค่านิยมในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากผ้าไหม และร่วมปลุกกระแสวงการผ้าไหม ให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน เป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด ภูมิปัญญาไหมไทย และภูมิปัญญาผ้าไทยให้ดำรงคงอยู่คู่คนไทยต่อไป

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า ในวันนี้ ถือว่าเป็นวันสำคัญที่สร้างความยิ่งใหญ่แก่วงการผ้าไทยเป็นอย่างมาก และได้รับเกียรติผู้เชี่ยวชาญผ้าไทยอย่างมากมายในการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ พวกเราได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ความสำคัญและทุ่มเทพระวรกายในการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผ้าไทย” ที่ทรงอนุรักษ์ฟื้นฟูและเป็นแบบอย่างในการใช้ผ้าไทยด้วยพระองค์เอง ทรงฉลองพระองค์ชุดผ้าไทยไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อเผยแพร่ความงดงามของผ้าไทยสู่สายตาชาวโลก ตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี พระองค์ทรงพลิกฟื้นผ้าไทย จากสิ่งทอของชาวบ้านที่เกือบสูญหายให้กลับมาเป็นอาภรณ์ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับถึงคุณค่าและความงดงามอันประเมินค่ามิได้ ตลอดระยะเวลาพระองค์ท่านทรงงาน เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านทรงเสด็จไป บ้านนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ.๒๕๑๓ เพื่อหยิบผ้าไหม ผ้าฝ้ายที่ถูกลืม ในฝีมือคนไทยที่ถูกลืมไปแล้วจากสังคมไทยให้มาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องประดับ เครื่องนุ่งห่ม แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรมไทย แสดงให้เห็นถึงการสร้างอาชีพให้แก่ครอบครัว หลายๆ ครอบครัว ตั้งแต่นั้นมาหัตถกรรมทอผ้าพื้นเมืองก็ได้กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้ชาวบ้านได้อย่างยั่งยืน ผ้าไทย จึงเปรียบเสมือนลมหายใจแม่ของแผ่นดิน ทำให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พัฒนาผ้าไทยให้มีความโดดเด่น งดงาม และสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ตามที่พระองค์ทรงพระราชทานลายผ้า “ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” เพื่อปลุกกระแสการทอผ้าไทย และจัดประกวด ในช่วงเดือนพฤษภาคม ผ้าที่ชนะเลิศ พระองค์ท่านจะทรงนำไปตัดเป็นฉลองพระองค์และเสด็จเปิดงาน ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมีซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เสมือนสายฝน ที่ช่วยเหลือพี่น้องกลุ่มสตรี และOTOP ได้มีการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น นับเป็นจุดเริ่มต้น ในการขยายตลาดทั่วภูมิภาคต่อไป ซึ่งทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยร่วมกันใส่ผ้าไทยเพื่อแสดงออกถึงความเป็นคนไทย รักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยไว้ให้ลูกหลานเราสืบไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ช่วยรณรงค์ ให้ทุกท่านสวมใส่ผ้าไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๒ วัน และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีงานแสดงแฟชั่นระดับนานาชาติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาทรงออกแบบ โดยการนำเอาผ้าลายเกล็ดเต่า ทางจังหวัดสกลนคร ให้เกิดลวดลายที่สวยงาม บนชุดที่เป็นสากล ทำให้ชาวต่างชาติทึ่งในความสามารถ สวยโดดเด่นเป็นสง่าบนเวทีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาว OTOP ที่ขอให้นำไปเป็นแรงบันดาลใจได้ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงาน ผลิตเสื้อผ้า ต่อยอดลวดลายต่างๆ บนผืนผ้าให้โดดเด่น ทันสมัย เป็นที่นิยม ในระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ สีสัน ตามที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงทุ่มเทในการศึกษา ระดมสรรพกำลัง ทั้งกำลังคน กำลังสติปัญญา และก็การคาดการณ์ว่าในช่วงฤดูร้อนปีหน้าจะนิยมสีอะไร ในหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย “Thai Textiles Trend Book Spring/Summer ๒๐๒๒” เพื่อพัฒนาและชี้นำทิศทางแนวโน้มการออกแบบผ้าไทยสู่สากล และจะเป็นเหมือนธงนำในการขับเคลื่อนและพัฒนาทิศทางกระแสความนิยมของผ้าไทย และการออกแบบเครื่องแต่งกายในเวทีระดับนานาชาติ เพื่อช่วยให้วงจรชีวิตของผ้าไทยมีความสมบูรณ์ตั้งแต่ ต้นน้ำ คือ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สู่กลางน้ำ ผู้ผลิต ในการถักทอผืนผ้าให้เกิดลวดลายที่ประณีต งดงาม นำไปสู่ ปลายน้ำให้ทุกท่านได้สวมใส่ตามพระราชดำริ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสวมใส่ผ้าไทย ตามพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อให้รายได้กลับสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค ตลอดทั้งส่งเสริม กระตุ้นการสวมใส่ผ้าไทยให้เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัยและทุกโอกาส เพื่อสืบสาน “อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” และขอเชิญเยี่ยมชมการทอผ้า สู่การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ร่วมอุดหนุนของดีผ้าไหมไทย ณ ศูนย์วัฒนธรรมผ้าไหมนครชัยบุรินทร์ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและการตลาดเส้นไหมของชาติเป็นที่นัดพบระหว่างผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมได้นำเส้นไหมไปจำหน่ายให้พี่น้อง OTOP ที่ต้องการใช้เส้นไหมไปทอผ้าในราคายุติธรรม เป็นที่รวบรวมสินค้าผลิตภัณฑ์ไหมของกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) ซึ่งเป็นศูนย์รวมผู้มีความชำนาญในการปลูกไหมเลี้ยงไหมและการทอผ้าไหม ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เกิดองค์ความรู้นวัตกรรมใหม่ๆ นำไปสู่การพัฒนาผ้าไทยให้งดงาม ร่วมสมัย ยกระดับสู่สากลต่อไป

ขอบคุณที่มาภาพ/ข่าว : กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๕๒. สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ชู กิจกรรมสร้างความสุขพลังบวก ครอบครัว โรงเรียน วัด ร่วมกับวัดโนนไฮวนาราม และวัฒนธรรมจังหวัด และผุ้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น สร้างฐานรากให้สังคมเข้มแข็ง

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๓๐ น.พระเดชพระคุณพระครูวรธรรมธัช ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการ ” วัยแก้ว วัยใจ เติมวัคซีนใจ สานสายใย ส่งเสริมคุณธรรม” และให้โอวาทธรรมแก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยมี นางอุมารินทร์ เลิศสหพันธ์ นายกสมาคม สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ นำคณะกรรมการและสมาชิก เข้าร่วมโครงการฯ ร่วมกับวัดโนนไฮวนาราม และวัฒนธรรมจังหวัด ผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น โดยมีกลุ่มเข้ากิจกรรมประกอบด้วย เยาวชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๓๐ คน ผู้ปกครอง และผู้สูงวัย จำนวน๓๐ คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีจำนวนทั้งสิ้น ๖๐ คน นอกจากนี้ สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ ได้มอบผ้าห่มให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม คนละ ๑ ผืน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้สมาคมฯ ได้ถวายปัจจัย จำนวน ๒๐,๐๐๐บาท เพื่อร่วมสร้างอุโบสถ ที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ณ วัดโนนไฮวนาราม บ้านโคกกว้าง ตำบลไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์
นางอุมารินทร์ เลิศสหพันธ์ กล่าวว่าสมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ เป็นองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ การจัดโครงการ ” วัยแก้ว วัยใจ เติมวัคซีนใจ สานสายใย ส่งเสริมคุณธรรม” สมาคมฯ ใช้งบประมาณ จำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท ด้วยตระหนักถึงสถานการณ์ของเด็กและเยาวชนที่เป็นอยู่ ความต้องการให้พ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย โดยถอดบทเรียนจากสังคมของชุมชนท้องถิ่นสมัยในอดีต รุ่นปู่ย่าตายาย นำมาประยุกต์ใช้ในแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน จึงร่วมกับวัดโนนไฮวนาราม และวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น นำผู้ปกครองและเยาวชน ได้มีกิจกรรมร่วมกัน ใช้หลักพระธรรมทางพระพุทธศาสนา สื่อสาร พูดจาดีต่อกัน รับฟังกันมากขึ้น ลดพลังลบในตัวของอีกฝ่าย ให้ได้ระบายออกมา “คิดก่อนพูด ฟังกันให้มากขึ้น” ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว พูดคุยปรับทุกข์ ปลอบด้วยเหตุผล เป็นการเสริมแนวคิดการถ่ายพลังบวกให้กับอีกฝ่าย การแบ่งปันใส่ใจจากคนในครอบครัว ทั้งการสัมผัส โอบกอด พูดคุยแสดงความรู้สึกดีๆ บอกกล่าวถามไถ่ ใส่ใจกับปัญหาและความทุกข์ของคนในบ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นการ เติมพลังบวกสร้างความรักความเข้าใจ เข้าสู่สถาบันการศึกษา มีครูอาจารย์ที่มีเมตตาต่อเด้ก โดยมีสถาบันศาสนา เป็นหลักพระธรรมพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือ จากผู้นำในชุมชน และหน่วยงานในท้องถิ่น ตลอดจนภาคประชาสังคม และสมาคมสตรีอาเซียนฯ มีความภาคภูมิใจ ที่โครงการดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะผลิตเยาวชน เติบโต ขึ้นมาจากครอบครัวที่อบอุ่น จากสถาบันการศึกษาที่ดี ได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลา เชื่อว่าเด็กๆ ก็จะซึมซับการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ แล้วนำมาปฏิบัติตาม เติมโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระต่อสังคม ก้าวขึ้นไปสู่การ “เป็นเด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ” หรือ “เด็กคืออนาคตของชาติ”เป็นฐานรากช่วยให้สังคมเข้มแข็ง ส่งผลให้ประเทศมั่นคง เจริญรุ่งเรืองสืบไป

รายงานภาพข่าว : สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คระกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๕๑. สมาคมสตรีภูเก็ต องค์สมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วมพิธี วางพวงมาลาสดุดี วีรสตรี ผู้กล้าหาญ ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ครบรอบ ๒๓๔ ปี (๑๓ มีนาคม ๒๓๒๘ ) การปกป้องเมืองถลางจังหวัดภูเก็ต รอดพ้นจากการถูกยึดครองอย่างกล้าหาญ

วันเสาร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. นางพรพินิจ พัฒนสุวรรณา นายกสมาคมสตรีภูเก็ต องค์สมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการ เข้าร่วม ในพิธีวางพวงมาลาสดุดีวีรกรรมท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร โดยมีภาครัฐ และภาคเอกชน ประกอบ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรสตรี เพื่อเชิดชูเกียรติประวัติและให้อนุชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนที่ได้เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตในการปกป้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลานได้จนถึงทุกวันนี้ ณ บริเวณอนุสรณ์สถานเมืองถลาง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
จังหวัดภูเก็ต กำหนดจัดงานวัฒนธรรม ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ประจำปี ๒๕๖๔ ระหว่างวันที่ ๖ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ มีกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วย การจัดพิธีอุปสมบทหมู่ อุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนผู้กล้าเมืองถลาง ระหว่างวันที่ ๖ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ วัดเทพวนาราม (ม่าหนิก) โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร , การจัดพิธีทำบุญตักบาตร และพิธีบวงสรวงปู่ย่า ตายาย บรรพชนผู้กล้าเมืองถลาง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ สวนพระพุทธศาสนาวัดม่วงโกมารภัจจ์ โดยมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร และเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี , การจัดพิธีวางพวงมาลา และสดุดีวีรกรรมท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ในวันที่ วันเสาร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร (สี่แยกท่าเรือ) โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และเทศบาลตำบลศรีสุนทร โดยทุกกิจกรรมผู้ร่วมงานต้องปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-๑๙ (D-M-H-T-T) ได้แก่ D – Distancing = เว้นระยะห่างระหว่างกัน M – Mask Wearing = สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยเสมอ H – Hand Washing = ล้างมือบ่อย ๆ T – Temperature Check = ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และสังเกตอาการ T – Thaichana = ติดตั้งและสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ อย่างเคร่งครัด สำนักงาน


ประวัติโดยย่อท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
แม่ทัพใหญ่ยี่หวุ่นคุมกำลัง ๓,๐๐๐ คน เข้าตีหัวเมืองทางชายฝั่งทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมืองกระ ตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ค่ายปากพระ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เมืองถลางขุมคลังของสยาม ข่าวทัพเรือพม่าบุกโจมตี กอปรกับเจ้าเมืองถลางเสียชีวิตเป็นข่าวร้ายที่ทำร้ายจิตใจชาวเมืองถลางให้อยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีที่พึ่งหมดหวัง แต่พลังใจทั้งมวลกลับตั้งมั่นด้วยจิตใจที่เข็มแข็งของท่านผู้หญิงจันและคุณมุกน้องสาว โดยได้นำกำลังจากบ้านสาคู บ้านในยาง บ้านดอน บ้านไม้ขาว บ้านแขนน บ้านลิพอน บ้านเหรียงมาเตรียมการรบ ณ ค่ายข้างวัดพระนางสร้าง ฝ่ายพม่ายกทัพเข้ามาเร่งก่อสร้างค่ายบริเวณทุ่งนา (โคกชนะพม่า) เพื่อเตรียมโจมตีเมืองถลาง ส่วนท่านผู้หญิงจัน คุณมุกและคณะกรมการเมืองวางแผนตั้งค่ายประชิดค่ายข้าศึก เตรียมปืนใหญ่ตรึงไว้ดึงเวลาได้หลายวันเป็นผลให้เสบียงอาหารของพม่าลดน้อยลง และวางแผนให้กลุ่มผู้หญิงแต่งตัวคล้ายทหารไทย เอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกมาถือแทนอาวุธ ทำทียกขบวนเข้าเมืองถลางในช่วงดึกลวงพม่าว่าเมืองถลางมีกำลังมาเสริมทุกคืน ทำให้พม่าคาดการณ์กองกำลังเมืองถลางผิดพลาด การศึกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 1 เดือนเศษ กำลังพม่าทั้งอ่อนล้าและขาดเสบียงอาหาร เมื่อพม่าตั้งพลเข้าโจมตีถูกฝ่ายเมืองถลางระดมยิงปืนเล็กปืนใหญ่ นำเอาดินประสิวไปโปรยในกองทัพพม่ายิงคบเพลิงเข้าไปผสมตามยุทธวิธีพระพิรุณสังหาร ครั้นเมื่อชาวเมืองถลางยิงปืนใหญ่แม่นางกลางเมืองถูกต้นทองหลางหน้าค่ายพม่าหักลง กองทัพพม่าระส่ำระสายเสียขวัญ และแตกทัพไปเมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗ ตรงกับวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๒๘ เป็นวันถลางชนะศึกเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบำเหน็จผู้ทำคุณแก่แผ่นดิน ให้ท่านผู้หญิงจันเป็น ท้าวเทพกระษัตรี คุณหญิงมุกน้องสาวเป็น ท้าวศรีสุนทร ดำรงยศอันมีศักดิ์แก่ฐานานุรูป เป็นศรีแก่เมืองถลาง และวงศ์ตระกูลสืบไป.

ที่มา : https://www.pwa.co.th/news/view/88016
รายงานข่าว: สมาคมสตรีภูเก็ต องค์สมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพัรธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๕๐. สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน(ส.อ.รฺ.ด)จังหวัดกาฬสินธ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกิจกรรมธารน้ำใจหลังไหลสู่งานกาชาด เชิญชวนองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯและประชาชนทั่วไป เที่ยวงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔

วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. ดร.อัจฉรา พรสีมา ประธานสมาคมสตรีอาสาสมัคร รักษาดินแดน(ส.อ.ร.ด )ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูภัมถ์ นำกรรมการและสมาชิก บริจาคเงิน พร้อมด้วยของรางวัล ร่วมกิจกรรม ธารน้ำใจหลังไหลสู่งานกาชาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔ โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ รับมอบสิ่งของจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ได้ร่วมนำสิ่งของมามอบให้ในงานวันรวมน้ำใจสู่กาชาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์กำหนดจัดงาน มหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔ ในระหว่างวันที่ ๑๖ – ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ (หลังเก่า) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ดร.อัจฉรา พรสีมา กล่าวว่าในโอกาสนี้ สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน(ส.อ.รฺ.ด)จังหวัดกาฬสินธ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ขอเชิญชวนองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมสนับสนุนซื้อสลากกาชาด และ เที่ยวงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี ๒๕๖๔ ซึ่งทางจังหวัดกาฬสินธุ์ กำหนดหมุนวงล้อสลากกาชาด ในคืนสุดท้ายของงาน วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ เริ่มเวลา ๒๐.๐๐ น. โดยผู้สนใจสามารถซื้อสลากกาชาดได้ภายในงาน จำหน่ายฉบับละ ๑๐๐ บาท ซึ่งรางวัลสลากกาชาด มีรางวัลที่ ๑ รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ รุ่น ๒.๔ G รางวัลที่ ๒ รถยนต์กระบะตอนเดียวโตโยต้า รุ่น Hilux Revo ๒.๔ Entry MT รางวัลที่ ๓ รถจักรยานยนต์ รางวัลที่ ๔ ทองคำหนัก ๑ บาท รางวัลที่ ๕ ทองคำหนัก ๒ สลึง และรางวัลที่ ๖ จักรยาน ขนาด ๒๔ นิ้ว โดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้เหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบสาธารณภัย และครัวเรือนยากจน ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง ตามโครงการกาฬสินธุ์แฮปปี้เนสโมเดล คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังต่อไป
รายงานภาพ/ข่าว : สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน(ส.อ.รฺ.ด)จังหวัดกาฬสินธ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๙. สมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัด พระนครศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับองค์กรเครือข่ายสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมภาคีเครือข่าย จัดงานวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรหลานสมาชิกพัฒนาสตรี

วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางนวลจันทร์ แย้มศรี ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ นายกิจจา ทองแดง พัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการกลุ่มงานฯ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด/อำเภอ และคณะกรรมพัฒนาสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมี นางพรทิพย์ ตั้งกีรติ นายกสมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัด พระนครศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน ณ โดมอเนกประสงค์ วัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ องค์กรเครือข่ายสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานราชการ ได้จัดงาน “วันสตรีสากล" ขึ้นเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้เพื่อการคุ้มครองพิทักษ์ สิทธิของสตรี โดยกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาสตรีให้มีขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสตรีในหมู่บ้าน ตำบลด้วยตนเอง โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาสตรีขึ้นทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค และระดับประเทศอีกทั้งสนับสนุนให้สตรีมีบทบาทสำคัญด้านต่างๆ เท่าเทียมกับบุรุษอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงทำให้บทบาทสตรี เป็นที่ยอมรับจากสังคมโดยทั่วไป โดยในแต่ละปี ได้ส่งเสริมให้สตรีทุกจังหวัด ร่วมกันจัดกิจกรรมที่แสดงออกถึงพลังความรัก ความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจ ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่น โดยภายในงานมี การมอบทุนการศึกษาของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย จำนวน ๒๐ ทุน การมอบทุนการศึกษาจากองค์กรเครือข่ายสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๑๖อำเภอ จำนวนเงิน ๑,๗๕๒,๗๘๐ บาท การมอบสิ่งของอุปโภค - บริโภค บรรเทาทุกข์แก่สตรี จำนวน ๒๐๔ คน รวมถึงมีการตั้งจุดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการฝึกอาชีพต่างๆ การจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มสตรี และจัดการประกวดการแต่งชุดไทยอย่างไรให้สนุก จากทั้ง ๑๖ อำเภอ อีกด้วย

รายงานข่าว: สมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัด พระนครศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๘. สภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี ๒๕๖๔ จัดโดยกระทรวงแรงงาน

ด้วยสภาสตรีแห่งชาติฯ ได้รับเชิญจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ และร่วมเป็นกรรมการคัดสรร “สตรีทำงานดีเด่น” เพื่อมอบโล่รางวัล “สตรีทำงานดีเด่น” ๓๒ รางวัล เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ เพื่อมุ่งหวังให้สตรีทำงานใช้เป็นต้นแบบในการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อพัฒนาศักยภาพตนเอง และนำไปสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืนโดยได้รับเกียรติ จากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล และมอบโล่รางวัลสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๔ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่นกรุงเทพมหานคร

สำหรับการจัดงาน วันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ นี้ ได้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “แรงงานสตรี รวมพลังฝ่าวิกฤต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน” ซึ่งในปีนี้มีสตรีเสนอผลงานเข้ารับการพิจารณา จำนวน ๒๖๑ คน และได้รับการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น ๓๒ คน จาก ๘ ประเภทรางวัล อาทิ ดร.อนงค์ศรี สิทธิอาษา ประธานกรรมการ บริษัทเชียงรายแลนด์กรุ๊ป กรรมการอำนวยการสภาสตรีแห่งชาติ สมัยที่ ๒๕ ได้รับรางวัล ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีนักบริหารเอกชน (นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบกิจการ) สถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ (ลูกจ้างตั้งแต่ ๕๐๐ คน ขึ้นไป) และนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นางอัฌนา พรหมประยูร รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประเภทสตรีนักบริหารดีเด่น นางสาวปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประเภทศิลปินสตรีดีเด่น นางพูนทรัพย์ สวนเมือง ตุลาพันธ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ ประเภทสตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการเสวนาโดยวิทยากรที่เป็นสตรีผู้ที่เคยได้รับโล่รางวัลสตรีทำงานดีเด่นปีที่ผ่านมา ได้แก่ นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ การแสดงนิทรรศการสตรีทำงานดีเด่น และการแสดงผลิตภัณฑ์ของสตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น อีกด้วย
ภาพ/ข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๗. สภาสตรีแห่งชาติฯ ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี ๒๕๖๔ จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

วันนี้ (๘ มีนาคม ๒๕๖๔) เวลา ๑๐.๐๐ น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี ๒๕๖๔ ภายใต้แนวคิด “เสริมพลังสตรีและเด็กหญิงสู่ความเสมอภาคร่วมตัดสินใจ ไร้ความรุนแรง” พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น จำนวน ๑๕ สาขา จำนวน ๔๒ รางวัล โดยมี นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณฯ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น ๒ กระทรวง พม. ถนนกรุงเกษม สะพานขาว กรุงเทพฯ
สภาสตรีแห่งชาติฯ ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี ๒๕๖๔ จำนวน ๔๒ รางวัล ซึ่งในส่วนสภาสตรีแห่งชาติฯ มีผู้ได้รับรางวัลหลายประเภท ประกอบด้วย
สตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลและภาคเอกชน ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี รองประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้รับรางวัล สตรีดีเด่นในเวทีเครือข่ายระดับสากล ประเทศบุคลากรภาคเอกชน
สตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลภาครัฐ รองศาสตราจารย์ ดร.เรณู พุกบุญมี ผู้อำนวยโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดีและแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพมหานคร ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลภาครัฐ
ประเภทนักธุรกิจสตรีดีเด่น (ภาคกลางและภาคตะวันออก) คุณณัฏฐ์ปภาณ จันทร์ละมูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ /บริษัท เดแอนด์แซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด นครปฐมได้รับรางวัล นักธุรกิจสตรีดีเด่น (ภาคกลางและภาคตะวันออก)

เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๖. สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสตรีแห่งชาติฯ ขอความเห็นชอบคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน Run For Charity By Women

วันพฤหัสบดีที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๐๐ น. นายวีระพันธ์ ดีอ่อน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ประชุมขอความเห็นชอบจัดกิจกรรม ช่วงการระบาด Covid-๑๙ เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือเด็กในถิ่นธุรกันดาร ตามโครงการปันน้ำใจเพื่่อน้อง ในถิ่นทุรกันดาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และนางสาววรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรรมการอำนวยการสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ (พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๖๔) พร้อมด้วยกรรมการและสมาชิกสมาคมฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ จัดทำโครงการปันน้ำใจเพื่่อน้อง ในถิ่นทุรกันดาร โดยจะจัดกิจกรรม Run For Charity By Women's Association of Chiangmai เพื่อนำรายไ ด้ ไปช่วยเหลือเด็กในถิ่นธุรกันดาร กำหนดจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ กองพลทหารราบที่ ๗ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่่อนำรายได้ หลังหักค่าใช้จ่าย มอบให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองแขม ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ปรับปรุงอาคารห้องเรียนอนุบาล ปรับปรุงห้องน้ำ และทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ สาธารณกุศลในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ได้นำเสนอมาตรการในการจัดกิจกรรม Run For Charity เพื่อให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณามาตรการ และอนุมัติให้จัดกิจกรรมดังกล่าวต่อไป

รายงานภาพข่าว : สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ องค์กรสมาชิกสตรีแห่งชาติฯ
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๕. กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ขอความร่วมมือ สภาสตรีแห่งชาติฯ เชิญชวนองค์กรสมาชิกเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" ให้สังคมตระหนักเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท

ด้วยกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอความร่วมมือ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เชิญชวน องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ และภาคีเครือข่าย นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร เปิดรับผลงานตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ กำหนดประกาศผลการตัดสินภายในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
สภาสตรีแห่งชาติฯ จึงขอเชิญชวน ให้องค์กรสมาชิก และภาคีเครือข่าย นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าประกวด หรือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ผู้สนใจ ได้รับทราบ การประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งให้สังคมได้ตระหนักเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ ทั้งนี้สามารถติดต่อสอบถามโดยตรงที่ กลุ่มบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่ www.dwf.go.th โทรศัพท์/โทรสาร. ๐ ๒๖๔๒ ๗๗๔๒
E-mail : th.genderequality@gmail.com หรือสแกน QR Code ตามแนบในภาพข่าว
การประกวดสื่อสร้างสรรค์ "Gender Equality" จัดโดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ ประจําปี ๒๕๖๔ และเปิดโอกาสให้ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา มีส่วนร่วมในการพัฒนาเนื้อหาและรูปแบบการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เรื่องความเท่าเทียม ระหว่างเพศอย่างมีคุณภาพ สร้างสรรค์ หลากหลาย ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมปัจจุบัน
คุณสมบัติผู้ส่งผลงานเข้าประกวด แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้
๑. ประเภทนักเรียน นิสิต/นักศึกษา
๒. ประเภทประชาชนทั่วไป
(ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้บุคลากรในกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเข้าร่วมประกวด)

คุณสมบัติประเภทสื่อที่จัดประกวด แบ่งเป็น ๓ ประเภท ดังนี้
๑. สปอตโฆษณา
๒. สารคดีสั้น
๓. โปสเตอร์ออนไลน์
กำหนดระยะเวลา
เปิดรับผลงานตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔
ประกาศผลการตัดสินภายในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
รางวัลการประกวด แบ่งเป็น ๒ ประเภท
๑. ประเภทนักเรียน นิสิต/นักศึกษา
สปอตโฆษณา
รางวัลชนะเลิศ ๒๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
สารคดีสั้น
รางวัลชนะเลิศ ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๒,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
โปสเตอร์ออนไลน์
รางวัลชนะเลิศ ๘,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๓,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
ประเภทประชาชนทั่วไป
สปอตโฆษณา
รางวัลชนะเลิศ ๒๕,๐๐๐บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
สารคดีสั้น
รางวัลชนะเลิศ ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๑๒,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
โปสเตอร์ออนไลน์
รางวัลชนะเลิศ ๘,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร
รองชนะเลิศอันดับสอง ๓,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงที่ กลุ่มบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
โทรศัพท์/โทรสาร. ๐ ๒๖๔๒ ๗๗๔๒
E-mail : th.genderequality@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม Downloads: สมัครออนไลน์
Tags: ประกวดสื่อสร้างสรรค์ File attachments:
รายละเอียดเพิ่มเติม ใบสมัคร
Deadline: 25 Feb 2021 09:00 to 30 Apr 2021 16:30

ที่มา: หนังสือที่ พม. ๐๕๐๔/ว๔๙๑ ลว. ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๖๔๔. สามองค์กรหลักสตรี องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในจังหวัดอุดรธานี ร่วมเป็นเจ้าภาพไถ่ชีวิตโคกระบือ รอดพ้นจากความตาย ถวายเจ้าอาวาสวัดพระธาตุบังพวน มอบให้ชาวนา ชาวสวน ที่มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ รับไปเลี้ยง ประกอบอาชีพทำการเกษตรตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจ

วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ที่วัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี รศ.ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานี พญ.เฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี คณะกรรมการและสมาชิกทั้ง ๓ องค์กร ได้ร่วมกันบริจาคเงินจำนวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ถวายให้พระอาจารย์ทวี มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย เพื่อนำไปไถ่ชีวิตโคกระบือจำนวน ๑๘ ตัว รวมกับองค์กรอื่นอีก ๕๕ ตัว รวมทั้งสิ้น ๗๓ ตัว ที่พระอาจารย์ทวี มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุบังพวน ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์และตลาดนัดโคกระบือ เพื่อนำมาทำพิธีมอบให้ชาวนา ชาวสวน เกษตรกรที่มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ และรักสัตว์ นำไปเลี้ยงเพื่อใช้งาน ห้ามขาย (ตามข้อตกลงสัญญาของผู้รับโคกระบือไปเลี้ยงห้ามนำไปขายต่อ) โดยจัดให้มีการจับสลากและรับตามหมายเลขที่จับได้ แล้วนำกลับไปเลี้ยงเพื่อการประกอบอาชีพ ของเกษตรกร ต่อไป
นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่าในโอกาสนี้ สามองค์กรหลักสตรี องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วย สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานี สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี คณะกรรมการและสมาชิกทั้ง ๓ องค์กร ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ตั้งโรงทานข้าวมันไก่ ๕๐๐ จาน และโรงทานน้ำดื่ม กาแฟเย็น ชาไทย ชาเขียว มันม่วงเย็น มูลค่า ๔๐,๐๐๐ บาท ด้วยอานิสงส์ผลบุญ ของความมุ่งมั่น ทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์ไถ่ชีวิตโคกระบือ ให้รอดพ้นจากความตายและ การจัดตั้งโรงทาน ขออนุโมทนา บุญร่วมกัน ให้ทุกท่านได้รับอานิสงส์นี้ คือมีอายุที่ยืนยาวปราศจากสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพภัย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สาธุ

รายงานภาพข่าว : สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธา
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์