๓๔๓.นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี เชิญชวนองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯและนักท่องเที่ยวชมความงามของ “สวนดอกไม้บ้านห้วยสำราญ” อุดรธานี สวยไม่แพ้เมืองเหนือ

วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานีองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ นำกรรมการและสมาชิก ไปชมดอกไม้นานาพันธุ์ ที่บ้านห้วยสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
นางกอบแก้ว คงน้อย กล่าวว่า ช่วงนี้อากาศที่จังหวัดอุดรธานี เย็นสบาย ท่านที่แวะมาเที่ยวไหว้พระที่อุดรธานี แล้วไม่ควรพลาดแวะมาชมสวนดอกไม้นานาพันธุ์ จึงเชิญชวนองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯและนักท่องเที่ยวชมความงามของ “สวนดอกไม้บ้านห้วยสำราญ” อุดรธานี สวยไม่แพ้เมืองเหนือ ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยสำราญ ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางไปชมความงามของ “สวนดอกเบญจมาศ” ของแปลงดอกไม้ท่องเที่ยว และดอกไม้นานาพันธุ์ แห่งบ้านห้วยสำราญ บ้านห้วยเจริญ ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี ตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ต่อเนื่องตลอดช่วงวันหยุดยาว
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๔๒.นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี นำคณะกรรมการสมาคมสวมใสผ้าไทย นมัสการสิ่งศักด์สิทธ์เสริมความเป็นสิริมงคลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๓

วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์นำคณะกรรมการ และสมาชิก ร่วมกันแต่งกายผ้าไทยสวยงามตามโครงการ "สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ที่ได้ลงนามบันทึก ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติ กรมการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และจังหวัดอุดรธานี "สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” โดยนำคณะกรรมการ และสมาชิก ไป กราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อุโบสถดอกบัวกลางน้ำ นมัสการสิ่งศักด์สิทธ์เสริมความเป็นสิริมงคลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๓ ณ วัดสันติวนาราม บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
นางกอบแก้ว คงน้อย กล่าวว่าสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี มีความภาคภูมิใจ ในการได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ "โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน" เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและให้ชาวโลกได้ชื่นชม อีกทั้งเพื่อเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่นให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายผ้าไทยแก่ประชาชนทั่วไปทั่วประเทศ และยังสนับสนุนส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสตรีในท้องถิ่น สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี จึงรณรงค์แต่งชุดผ้าไทยเพื่อเป็นเชิญชวนให้คนไทยมาร่วมกันสวมใส่ผ้าไทยตามเจตนารมณ์ที่กล่าวข้างต้น

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๔๑. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ นำคณะกรรมการสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมลงนามถวายพระพร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๓

วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๐๐ น. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร นายกองค์กร และสมาชิก ถวายแจกันดอกไม้ และลงนามถวายพระพร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ในเร็ววัน ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๔๐. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ นำกรรมการและองค์กรสมาชิกลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓

วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น.. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร นายกองค์กร และสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ถวายแจกันดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และลงนามถวายพระพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๓
จากนั้นดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯและคณะฯได้ร่วมลงนามถวายพระพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๓ อย่างพร้อมเพรียงกัน ณ ศาลาสหทัยสมาคม ใพระบรมมหาราชวังสำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพร ที่พระบรมมหาราชวัง ในวันนี้ (๑ มกราคม ๒๕๖๓) ตั้งแต่เวลา ๙ นาฬิกา ถึง ๑๗ นาฬิกา

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๓๙. สภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับจังหวัดอำนาจเจริญ รณรงค์ อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย สวมใส่ผ้าทอพื้นเมือง ตามโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” รณรงค์จังหวัดอำนาจเจริญ

วันนี้ (๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ ) เวลา ๑๓.๐๐ น. นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ ตามโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบูรณาการความร่วมมือส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาจากท้องถิ่น การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยผ่านการสวมใส่ผ้าทอพื้นเมือง ซึ่งมีนายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีผู้แทนนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ ประธานคณะกรรมการสันนิบาตเทศบาลจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้แทนสภาสตรีแห่งชาติฯ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด นายอำเภอ ภาคเอกชน ผู้นำองค์กรสตรี และสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในจังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ โรงแรมฝ้ายขิดอำนาจ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ

ขอบคุณที่มา ภาพ/ข่าว : กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
เรียบเรียง/เผยแพร่ข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๓๘. อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนจับมือประธานสภาสตรี รณรงค์สตรีแพร่ ใส่ผ้าไทย ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง ตามโครงการ”สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน “

วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสักทอง ๑-๓ โรงแรมแม่ยมพาเลส อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และ นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ขับเคลื่อนโครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน กับจังหวัดแพร่ นำโดย นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยก่อนลงนามได้มีการแสดงโชว์อัตลักษณ์ผ้าไทยของจังหวัดแพร่ ด้วยการเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย ผ้าไทยประยุกต์ จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับสากลที่ออกแบบและผลิตโดยคนแพร่ จำนวน ๑๔ แบรนด์ อาทิ อัญชิ กฤษณะ เลอโซเลย์ เป็นต้น ทำให้เห็นถึงความสวยงาม น่าสวมใส่ และใส่ได้ทุกวัน ทุกโอกาส
การลงนามบันทึกข้อตกลงความความร่วมมือ ตามโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน จังหวัดแพร่” ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยอันมีอัตลักษณ์และทรงคุณค่า ศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงอยู่ปรากฏเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และให้ทั่วโลกได้ชื่นชม อีกทั้งช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายด้วยผ้าไทย โดยเน้นในกลุ่มข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างหน่วยงานของรัฐให้ใช้ผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งทุกคนได้มีส่วนร่วมสืบสาน อนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน และที่สำคัญเพื่อเป็นสนับสนุน ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ และเสริมสร้างรายได้ให้กลุ่มสตรีในท้องถิ่น

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวว่า ภารกิจของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์กิจกรรมหลักจะเป็นเรื่องของสตรี มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพอาชีพสืบสานโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวงเมื่อได้ทำโครงการอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ทำให้เข้าใจถึงกรรมวิธีการผลิตการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นงานทรงคุณค่าและเป็นงานภูมิปัญญาที่สืบทอดสู่รุ่นหลานดังนั้นหาก ๓๕ ล้านคน หันมาใส่ผ้าไทยก็จะสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน สืบสานภูมิปัญญาในวันนี้จังหวัดแพร่ได้จัดงาน ๑๑๙๑ ปี คือสิ่งที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่ต้องรักษาไว้อย่างยิ่ง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวต่อว่าด้วยสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ได้คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวงทรงรื้อฟื้นผ้าไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๔ ทรงให้ชาวบ้านทอผ้าเพื่อไปตัดชุดฉลองพระองค์และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าผ้าและส่งเสริมพัฒนาฝีมือและจัดประกวดการทอผ้าทำให้พวกเราได้ทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านให้ตระหนักถึงความเป็นตัวตนของคนไทยผ่านการทอผ้าดังเช่น การส่วนใส่ผ้าหม้อห้อมของคนแพร่ ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนดังนั้นเราต้องร่วมมือกันในการเชิญชวนภาคีเครือข่ายในจังหวัดร่วมถึงส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนในการร่วมกันสวมใส่ผ้าไทย หากคนไทย ๓๕ ล้านคนใส่ผ้าไทยเพิ่มขึ้นคนละ ๑๐ เมตร เมตรละ ๓๐๐ บาท จะสร้างรายได้ ๑๐๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวนั้นจะกระจายถึงคนในชุมชนและอีกหลายชีวิต จะทำให้เศรษฐกิจของชาติเกิดการหมุนเวียนเกิดความมั่นคงด้านเครื่องนุ่งห่มรวมทั้งแสดงถึงการมีวัฒนธรรมที่ดีงาม จังหวัดแพร่มีศิลปินแห่งชาติคนสำคัญได้แก่ แม่ประนอม ทาแปง ท่านมีส่วนช่วยทำให้งบประมาณของกรมการพัฒนาชุมชน ได้รับงบประมาณในการพัฒนางบโอทอป ในปี 2563 อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จังหวัดแพร่มีผ้าหม้อห้อม อันเป็นสีเดียวกับกรมการพัฒนาชุมชน ผมคงต้องสั่งซื้อผ้าหม้อห้อมแล้วใส่ตรากรมการพัฒนาชุมชนให้เจ้าหน้าที่ใส่ทำงานสัก ๑ วัน โดยจะคัดเลือกร้านที่มีกำลังการผลิตและจะคัดเลือกแบบอีกครั้งนึง

นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวต้อนรับจังหวัดแพร่มีความยินดี ที่ได้รับเกียรติจากสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชนที่ให้เกียรติมาเยี่ยมจังหวัดแพร่และจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ในวันนี้ จังหวัดแพร่มีทรัพยากรไม้สักทองที่สวยที่สุด มีวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์และมีผ้าหม้อฮ้อมที่สืบทอดมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาให้กว้างไปสู่ความเป็นสากล ในโอกาสนี้ขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนและประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ที่ให้การสนับสนุนการอนุรักษ์ผ้าถิ่นไทย จนเกิดโครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดินครั้งนี้

ขอบคุณที่มา ภาพ/ข่าว : กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
เผยแพร่ข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๓๗. สภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีจัดทำข้อตกลงความร่วมมือโครงการ "สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน" ร่วมกันเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่น

๒๓ ธันวามคม ๒๕๖๒ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นประธานในการประชุมจัดพิธีทำข้อตกลงความร่วมมือโครงการ "สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน" อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยมีนางธัญชนก หมั่นหมาย พัฒนาการอำเภอหนองจิกกล่าวรายงาน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่ การเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่น และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายด้วยผ้าไทยแก่ประชาชน โดยสืบสานอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นไทยในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จากนั้นนายอำเภอหนองจิกจัดประชุมคณะทำงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล/เทศบาล ได้ร่วมวิเคราะห์โครงการ เพื่อนำกองทุนบทบาทสตรีมาช่วยเหลือ พัฒนาทักษะ องค์ความรู้แก่สตรีในพื้นที่ ด้วยการรับฟังการสะท้อนปัญหาจากกลุ่มสตรี ส่งเสริมให้มีการขับเคลื่อน "ครอบครัวคุณธรรม" ส่งเสริมความเข้มแข็ง รวมทั้งให้ข้อคิดเกี่ยวกับการส่งเสริมให้มีการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล/เทศบาล ณ ห้องประชุม ๑ ชั้น ๒ ที่ว่าการอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

ภาพ/ข่าว: กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน
เรียบเรียงข้อมูล: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖

๓๓๖. สภาสตรีแห่งชาติฯร่วมกับโรงเรียนวัดเวฬุวนาราม หนุนเยาวชน “ออมไม่อด จดไม่จน” สร้างจิตสำนึกเรื่องการออม เพื่ออนาคตที่มั่นคง

ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มอบหมายให้นางกรแก้ว วิริยะวัฒนา ประธานฝ่ายวิชาการ สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการฝ่ายวิชาการสภาสตรีแห่งชาติฯ ดำเนินการ จัดโครงการ “ออมไม่อด จดไม่จน” โดยมี คณะวิทยากรจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้ความรู้ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรู้จักการจดบันทึกบัญชีรับ-จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจน ขณะเดียวกันก็เป็นการปูพื้นฐานให้กับเยาวชนนักเรียน มีนิสัยรักการออมโดยผ่านการจดบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่าย รู้จักการคิดคำนวณ รู้คุณค่าของเงิน และมีวินัยทางการเงินโดยผู้เข้าอบรมเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดเวฬุวนาราม นอกจากนี้ยังมี สมาชิกของสภาสตรีแห่งชาติฯ สนใจลงชื่อเข้าร่วมรับฟัง รวมจำนวนทั้งหมด ๑๙๕ คน เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ โรงเรียนวัดเวฬุวนาราม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
นางกรแก้ว วิริยะวัฒนา ประธานฝ่ายวิชาการ สภาสตรีแห่งชาติ กล่าวว่า ท่านประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ได้อนุมัติให้ฝ่ายวิชาการ จัดทำโครงการ “ออมไม่อด จดไม่จน” ร่วมกับคณะวิทยากรจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นเยาชน และกลุ่มเป้าหมายรองเป็นองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯและประชาชนทั่วไป เนื่องจากการรู้จักเก็บหอมรอบริบเป็นก้าวสำคัญ ในการจุดประกายกระตุ้นให้เยาวชนรู้จักอดออม อีกทั้งมีหลักเกณฑ์การคิด ทำให้สามารถคำนวณ ตัวเลขการมีเงินสะสมในอนาคต เพื่อเป็นเครื่องมือนำทางให้ผู้ทำบัญชี รู้จักคิด รู้จักจ่าย รู้จักออม และเกิดแรงจูงใจที่จะปรับเปลี่ยนตนเองสู่ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

โอกาสนี้ประธานฝ่ายวิชาการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในนามฝ่ายวิชาการขอขอบพระคุณ ท่านที่ปรึกษาประธานสภาสตรีแห่งชาติฯทุกท่าน ท่านประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ท่านประธานคณะกรรมการบริหาร ท่านรองประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร ท่านนายกองค์กร และสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ทุกท่าน ที่ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรม หรือมาเยี่ยมเยียน ในระหว่างการจัดกิจกรรม เพื่อเป็นกำลังใจ ให้คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ มีความมุ่งมั่น จัดทำโครงการที่จะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน ต่อสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯและประเทศชาติโดยรวม ทั้งนี้ฝ่ายวิชาการ ยินดีเปิดรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อรวบรวมนำเสนอโครงการดีดี เข้าที่ประชุมคณะกรรมการฝ่ายวิชาการฯและนำเรียนท่านประธานสภาสตรีแห่งชาติในการขออนุมัติจัดทำโครงการต่างๆ ในปี ๒๕๖๓ ต่อไป

ข่าว: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๓๕. สภาสตรีแห่งชาติฯ จับมือ จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” รณรงค์ร่วมกัน เชิดชูอัตลักษณ์ ผ้าพื้นถิ่นของ ๑๘ อำเภอ

วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๒๒ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางนงค์นิตย์ เนียมศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ และองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ อาทิ ดร.อัจฉรา พรสีมา นายกสมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดนกาฬสินธุ์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย จังหวัดกาฬสินธุ์ (สธวท กาฬสินธุ์) ร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” โดยมีนายนรินทร์ เกล้าจะโป๊ะ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวรายงาน และมีการนำเสนอผ้าพื้นถิ่นของทั้ง ๑๘ อำเภอ สร้างความตื่นตาตื่นใจบนเวที ด้วยความงดงาม โดดเด่นบ่งบอกถึงภูมิปัญญาที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ณ พระธาตุยาคู อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธ์ุ
โครงการนี้วัตถุประสงค์เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงอนุรักษ์ ส่งเสริม และเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าไทย ทำให้ผ้าไทย คงอยู่คู่แผ่นดิน และเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชน ในประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย

ภาพ/ข่าว: กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน
เรียบเรียงข้อมูล: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖

๓๓๔. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานเชิญผู้แทนสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมประชุมคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๓

นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๖มอบหมายให้ นางอรุณศรี จงเจียมจิตต์ กรรมการอำนวยการและคณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ และนางเยาว์มาลย์ วัชระเรืองศรี คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๓๐ - ๑๖.๓๐ โดยมีนายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมการสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนภาครัฐ องค์กรนายจ้าง องค์การลูกจ้าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสตรี อาทิ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีผู้อำนวยการกลุ่มงานแรงงานหญิง เด็ก และเครือข่ายการคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เป็นกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น ๕ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
สืบเนื่องจาก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน กำหนดจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายใต้แนวคิด “แรงงานสตรี ร่วมแรงร่วมใจ สร้างความเสมอภาค สู่สังคมไทย” และได้ทูลเชิญพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เสด็จมาประทานโล่รางวัลสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในวันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ ห้องมิราเคิล แกรนด์บอลรูม ชั้น ๔ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
การประชุม มีประเด็นที่ฝ่ายเลขานุการ ขอให้คณะกรรมการได้พิจารณา จำนวน ๒ เรื่อง ประกอบด้วย การพิจารณาประเภทและจำนวนรางวัลสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ที่จะใช้คัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยขอให้คณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาตามลำดับ ดังนี้
๑. ประเภทและจำนวนรางวัลสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กำหนดประเภทของสตรีทำงานดีเด่นไว้ ๘ ประเภท จำนวน ๒๙ รางวัล ประกอบด้วย (เอกสารหมายเลข ๓)
- สตรีนักบริหารดีเด่น จำนวน ๘ รางวัล
- สตรีผู้ปฏิบัติการดีเด่น จำนวน ๘ รางวัล
- สตรีเครือข่ายด้านแรงงานดีเด่น จำนวน ๕ รางวัล
- สตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น จำนวน ๔ รางวัล
- ศิลปินสตรีดีเด่น จำนวน ๑ รางวัล
- สื่อมวลชนสตรีดีเด่น จำนวน ๑ รางวัล
- สตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น จำนวน ๑ รางวัล
- สตรีนักวิชาการด้านแรงงานดีเด่น จำนวน ๑ รางวัล
ทั้งนี้ สาขาสตรีทำงานดีเด่นที่ไม่มีผู้เสนอชื่อในปีที่แล้วประกอบด้วย
สตรีผู้ประกอบอาชีพอิสระดีเด่น (ภาคกลางและภาคใต้) และสตรีองค์กรพัฒนาเอกชนดีเด่น รวมทั้งหมด ๓ รางวัล จึงทำให้ผู้ได้รับรางวัลสตรีทำงานดีเด่นในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ มีจำนวน ๒๖ รางวัล
สำหรับการสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ฝ่ายเลขานุการพิจารณาแล้วเห็นว่าประเภทรางวัล จำนวน ๘ ประเภท มีการกำหนดมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และสามารถนำมากำหนดประเภทรางวัลในปี พ.ศ.๒๕๖๓ ได้ สำหรับจำนวนรางวัลนั้น แม้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จะไม่มีผู้เสนอชื่อจำนวน ๓ รางวัล แต่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑ มีผู้เสนอชื่อและได้รับรางวัลดังกล่าว โดยฝ่ายเลขานุการจึงขอให้คณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาว่าประเภทและจำนวนรางวัลสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ มีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด
ดังนี้
๑. กำหนดหลักเกณฑ์และสรรหาคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓
๒. พิจารณาสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่นประเภทต่างๆ เข้ารับประทานโล่ รางวัลและใบประกาศเกียรติคุณในวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓
๓. รายงานผลการดำเนินการสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่นประเภทต่างๆ ต่อคณะกรรมการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓
๔. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ปลัดกระทรวงแรงงานมอบหมาย การประชุมในวันนี้เป็นการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เพื่อพิจารณาประเภท จำนวนรางวัล คุณสมบัติ/หลักเกณฑ์การคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓
สำหรับการสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการฯ ได้กำหนดคุณสมบัติ/หลักเกณฑ์การคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น จำนวน ๓ ประเด็น ประกอบด้วย
๑) คุณสมบัติ โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือกเป็น
รายประเภท สาขาของสตรีทำงานดีเด่น ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติครบทุกข้อที่กำหนด
๒) รายละเอียดหลักเกณฑ์ของแต่ละสาขาที่จะใช้ในการพิจารณา
คัดเลือก ซึ่งจะนำไปกำหนดเป็นน้ำหนักคะแนนในการคัดเลือก
๓) หน่วยงานที่จะเสนอชื่อสตรีทำงานดีเด่นเข้ารับการคัดเลือกโดย
กำหนดหน่วยงานไว้เป็นการเฉพาะของแต่ละประเภทรางวัลที่สามารถเสนอชื่อสตรีทำงานดีเด่น
ทั้งนี้ การคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่นทั้งหมดคณะกรรมการได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคัดกรองเบื้องต้น โดยพิจารณาให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ก่อนและนำคะแนนของผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดไล่ตามลำดับเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาตามจำนวนที่กำหนดไว้ในอัตรา ๓ คน ต่อจำนวน ๑ รางวัล สำหรับการสรรหาและคัดเลือกสตรีทำงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ฝ่ายเลขานุการขอนำเสนอให้ใช้การกำหนดคุณสมบัติ/หลักเกณฑ์ และวิธีดำเนินการตามปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอให้คณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาว่ามีความเหมาะสม หรือไม่ เพียงใด หรือควรมีการปรับปรุงเป็นอย่างไร

ภาพ/ข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ