๓๕๕. สภาสตรีแห่งชาติฯจัดงานวันเด็กแห่งชาติคึกคัก มอบทุนการศึกษา ๒๐๐ ทุนให้เด็กเรียนดีแต่ยากจน

วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นประธานเปิดงาน “วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563” ภายใต้คำขวัญวันเด็กแห่งชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือ “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” โดยร่วมกับ คณะกรรมการและองค์กรสมาชิก และ ภาคีเครือข่าย มอบทุการศึกษา ๒๐๐ ทุน ณ บ้านพระกรุณานิวาสน์ กรุงเทพฯ

สำหรับเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย เยาวชนปกติทั่วไปกับกลุ่มเด็กพิเศษ/เปราะบาง โรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์ โรงเรียนราชานุกูล โรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนปัญญาวุฒิกร โรงเรียนศรีสังวาลย์ โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา ตลอดจนเด็กๆจากละแวกชุมชนใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมด้วยผู้ปกครอง ประมาณ ๕๐๐ คน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่าการจัดงานวันเด็กแห่งชาติภายใต้คำขวัญ ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญ“เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” โดย “น้อมนำแนวทางจิตอาสาพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ในการเป็นผู้ให้ มีจิตใจโอบอ้อมอารี อุทิศตนเพื่อส่วนรวม และรู้ถึงความสำคัญของตนเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ที่มีต่อตนเองละสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย


นอกจากนี้ ประธานสภาสตรีแห่งชาติได้นำนโยบายของนายกรัฐมนตรีมากล่าวว่า “ เด็กไทยยุคใหม่ ต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่องของเทคโนโลยีและต้องรู้จักหน้าที่ของความเป็นพลเมืองไทยรับผิดชอบอนาคตประเทศชาติร่วมกันด้วย”
สำหรับบรรยากาศภายในบ้านพระกรุณานิวาสน์ มีกิจกรรมสร้างความสุขสนุกสนานให้กับเด็กๆหลากหลายกิจกรรม เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐ น. โดยมีคณะกรรมการจัดงาน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนมอบทุนการศึกษา ประกอบด้วยที่ปรึกษาประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ คณะกรรมการอำนวย คณะกรรมการบริหาร นายกองค์กร และสมาชิกร่วมมอบทุนการศึกษาจำนวน ๒๐๐ ทุนให้เด็กเรียนดีแต่ยากจน และเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความรู้ความสามารถ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแทรกความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ให้เหล่าน้องๆ หนูๆได้เพิ่มพลังความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๕๔. กรมการพัฒนาชุมชน รวมพลัง สภาสตรีแห่งชาติฯ จับมือเจ้าเมืองมหาสารคาม รณรงค์สวมใส่ผ้าไทย

วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงขับเคลื่อนรณรงค์การใส่ผ้าไทย กับ นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นางวริฐา จันทรา ประธานชมรมแม่บ้านจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริษัท ประชารัฐ จำกัด องค์กรสตรี โดยทุกฝ่ายจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนให้พี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดมหาสารคาม หันมาใส่ผ้าไทยในทุกวัน ณ โรงแรมวสุ จังหวัดมหาสารคาม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับสภาสตรีขับเคลื่อนโครงการ อนุรักษ์ สืบสาน ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ทั้งนี้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงมีพระปรีชาชาญ พระวิริยะ พระอุตสาหะ ในการรื้อฟื้นผ้าทอไทย ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ให้เป็นอาชีพเสริมจากการทำไร่ทำนาในอดีต จนถึงปัจจุบัน ทำให้ผ้าไทยได้รับความนิยมนำมาสวมใส่ ทั้งจากคนไทยและคนต่างชาติ ผ้าทอไทยเป็นภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีความสวยงาม มีความโดดเด่นของแต่ละกลุ่ม ทำให้การทอผ้ากลายเป็นอาชีพหลักของกลุ่มสตรีในหลายๆ จังหวัด ทั้งนี้สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ยังได้พระราชทานพระราชดำรัสในงานวันสตรีไทย เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ว่า พระองค์จะสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระพันปีหลวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นต่อปวงชนชาวไทย กรมการพัฒนาชุมชนจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวมหาสารคาม ร่วมกันสืบสาน รักษา ภูมิปัญญาด้านผ้าไทย ด้วยการสวมใส่ผ้าไทยทุกวัน อันจะช่วยทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สร้างความเข้มแข็งแก่ครอบครัวและชุมชน

ดร.วันดี กล่าวว่า สมเด็จพระพันปีหลวง ได้พระราชทานให้ทุกวันที่ ๑ สิงหาคม เป็นวันสตรีไทย และยังได้พระราชทานดอกกล้วยไม้แคทรียา ควันสิริกิติ์ เป็นดอกไม้ประจำสตรีไทย นอกจากนี้ยังได้พระราชทานหน้าที่ของสตรีไทย ๔ ประการคือ ๑.เป็นแม่บ้านที่ดี ๒.เป็นแม่ที่ดีของลูก ๓.รักษาเอกลักษณ์ วัฒนธรรมไทย ๔.พัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ดังนั้นสภาสตรีแห่งชาติฯ จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นมาและจับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อขับเคลื่อนให้คนไทยทั่วประเทศและทั่วโลก หันมาร่วมด้วยช่วยกันใส่ผ้าไทยทุกวัน หากว่าคนไทย ๓๕ ล้านคนร่วมใจกันใส่ผ้าไทย เพียงซื้อผ้าเพิ่มคนละ ๑๐ เมตรละ ๓๐๐ บาท จะเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนกว่า ๑ แสนล้านบาท

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคามมีพื้นที่ทำการเกษตรและประชาชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร นอกจากนี้ยังสามารถปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สามารถที่จะพัฒนายกระดับให้เป็นอุตสาหกรรมการผลิตเส้นไหมได้ในอนาคต นอกจากนี้มหาสารคามยังมีการทอผ้าไหม ผ้าฝ้ายมาเป็นเวลาช้านานมีภูมิปัญญาของท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง จังหวัดมหาสารคามมีความพร้อมที่จะพัฒนาจังหวัดให้เป็นศูนย์กลางแห่งการผลิตไหมดิบในอนาคตอันใกล้นี้

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับสภาสตรีขับเคลื่อนโครงการ อนุรักษ์ สืบสาน ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ทั้งนี้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงมีพระปรีชาชาญ พระวิริยะ พระอุตสาหะ ในการรื้อฟื้นผ้าทอไทย ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ให้เป็นอาชีพเสริมจากการทำไร่ทำนาในอดีต จนถึงปัจจุบัน ทำให้ผ้าไทยได้รับความนิยมนำมาสวมใส่ ทั้งจากคนไทยและคนต่างชาติ ผ้าทอไทยเป็นภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีความสวยงาม มีความโดดเด่นของแต่ละกลุ่ม ทำให้การทอผ้ากลายเป็นอาชีพหลักของกลุ่มสตรีในหลายๆ จังหวัด ทั้งนี้สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ยังได้พระราชทานพระราชดำรัสในงานวันสตรีไทย เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ว่า พระองค์จะสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระพันปีหลวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นต่อปวงชนชาวไทย กรมการพัฒนาชุมชนจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวมหาสารคาม ร่วมกันสืบสาน รักษา ภูมิปัญญาด้านผ้าไทย ด้วยการสวมใส่ผ้าไทยทุกวัน อันจะช่วยทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน สร้างความเข้มแข็งแก่ครอบครัวและชุมชน

ดร.วันดี กล่าวว่า สมเด็จพระพันปีหลวง ได้พระราชทานให้ทุกวันที่ ๑ สิงหาคม เป็นวันสตรีไทย และยังได้พระราชทานดอกกล้วยไม้แคทรียา ควันสิริกิติ์ เป็นดอกไม้ประจำสตรีไทย นอกจากนี้ยังได้พระราชทานหน้าที่ของสตรีไทย ๔ ประการคือ ๑.เป็นแม่บ้านที่ดี ๒.เป็นแม่ที่ดีของลูก ๓.รักษาเอกลักษณ์ วัฒนธรรมไทย ๔.พัฒนาปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ดังนั้นสภาสตรีแห่งชาติฯ จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นมาและจับมือกับกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อขับเคลื่อนให้คนไทยทั่วประเทศและทั่วโลก หันมาร่วมด้วยช่วยกันใส่ผ้าไทยทุกวัน หากว่าคนไทย ๓๕ ล้านคนร่วมใจกันใส่ผ้าไทย เพียงซื้อผ้าเพิ่มคนละ ๑๐ เมตรละ ๓๐๐ บาท จะเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนกว่า ๑ แสนล้านบาท

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคามมีพื้นที่ทำการเกษตรและประชาชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร นอกจากนี้ยังสามารถปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สามารถที่จะพัฒนายกระดับให้เป็นอุตสาหกรรมการผลิตเส้นไหมได้ในอนาคต นอกจากนี้มหาสารคามยังมีการทอผ้าไหม ผ้าฝ้ายมาเป็นเวลาช้านานมีภูมิปัญญาของท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง จังหวัดมหาสารคามมีความพร้อมที่จะพัฒนาจังหวัดให้เป็นศูนย์กลางแห่งการผลิตไหมดิบในอนาคตอันใกล้นี้

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ




๓๕๓.สภาสตรีแห่งชาติ จับ จังหวัดและสตรีเมืองคอน ร่วมรณรงค์สวมใส่ผ้าไทย สืบสานภูมิปัญญา สร้างรายได้ ให้เศรษฐกิจไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

วันที่ 10 มกราคม 2563 เวลา 10.00 น. ณ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการนครศรีธรรมราช นครแห่งอารยธรรม สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” กับจังหวัดนครศรีธรรมราช

๓๕๒. สภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓

นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๖มอบหมายให้ นางอรุณศรี จงเจียมจิตต์ กรรมการอำนวยการและคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ และนางเยาว์มาลย์ วัชระเรืองศรี คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ ในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๓ ณ กรมพัฒนาและสวัสดิการ
ในการประชุมดังกล่าวเป็นการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนันสนุนจากกองทุนพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม จำนวน ๓ โครงการ สำหรับผลการพิจารณาในรอบนี้โครงการฯ ที่ขอรับการสนันสนุน คณะอนุกรรมการฯร่วมกันพิจารณาตั้งข้อสังเกตให้ไปปรับความเหมาะสม โดยให้รอเข้าการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ในรอบหน้าต่อไป

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๕๑ . กรมการพัฒนาชุมชน จับมือ สภาสตรีแห่งชาติ เชิดชูผ้าไหมยกดอกลำพูน รณรงค์สตรีลำพูน สวมใส่ผ้าไทย สืบสานภูมิปัญญา

วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๓.๓๐ น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน กับจังหวัดลำพูน นำโดย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นางศลิษา ภิรมย์รัตน์ นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมสตรีจามเทวีศรีหริภุญไชย และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน โดยมีคณะกรรมการพัฒนาสตรีระดับอำเภอ และคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล จาก ๘ อำเภอของจังหวัดลำพูน ร่วมในพิธีฯ รวมทั้งสิ้น ๑๕๐ คน ณ หอประชุมพระเทพรัตนนายก วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
การลงนามบันทึกข้อตกลงความความร่วมมือ ตามโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ” มีวัตถุประสงค์ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ ส่งเสริมลำพูนผ้าไหมไทยยกดอก อันมีอัตลักษณ์และทรงคุณค่า เป็นศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงอยู่ปรากฏเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และให้ทั่วโลกได้
ชื่นชม อีกทั้งช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายด้วยผ้าไทย โดยเน้นในกลุ่มข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างหน่วยงานของรัฐให้ใช้ผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งทุกคนได้มีส่วนร่วมสืบสาน อนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน และที่สำคัญเพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ และเสริมสร้างรายได้ให้กลุ่มสตรีในท้องถิ่น
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวว่า ภารกิจของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์กิจกรรมหลักจะเป็นเรื่องของสตรี มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพอาชีพสืบสานโครงการตามพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเมื่อได้ทำโครงการอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ทำให้เข้าใจถึงกรรมวิธีการผลิตการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นงานทรงคุณค่าและเป็นงานภูมิปัญญาที่สืบทอดสู่รุ่นหลานดังนั้นหาก ๓๕ ล้านคน หันมาใส่ผ้าไทยโดยซื้อคนละ ๑๐ เมตร ราคาเมตรละ ๓๐๐ บาท ก็จะเกิดรายได้หมุนเวียนกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท กลับสู่ชุมชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสตรีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวต่อว่า กรมการพัฒนาชุมชน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรื้อฟื้นผ้าไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ ที่อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ทรงให้ชาวบ้านทอผ้าเพื่อไปตัดชุดฉลองพระองค์และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนให้ชาวบ้านเริ่มอาชีพทอผ้า ถือเป็นอาชีพเสริมจากการทำการเกษตรกรรม ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ และพระปรีชาชาญ ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทำให้ผ้าไทยทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้ายได้กลับคืนสู่สังคมไทย ได้รับความนิยมจากคนไทยและคนต่างชาติ กรมการพัฒนาชุมชนมีภารกิจหลักในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน ในเศรษฐกิจฐากรากระดับครัวเรือน ชุมชน เพื่อให้ประชาชนหลุดพ้นความยากจน สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อาชีพทอผ้าเป็นอาชีพที่ทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ประกอบอาชีพได้ที่บ้าน ลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน

ในส่วนของนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้กล่าวต้อนรับและมีความยินดี ที่ได้รับเกียรติจากสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชนที่ให้เกียรติมาเยี่ยมจังหวัดลำพูนและจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ในวันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จังหวัดลำพูน เดิมคือ นครหริภุญชัย ที่มีพระนางจามเทวี เป็นปฐมกษัตริย์ มีประวัติความเป็นมา ทั้งสั่งสมวัฒนธรรม ภูมิปัญญา มายาวนานกว่า 1,300 ปี ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น จนปัจจุบัน งานหัตถกรรมผ้าทอของจังหวัดลำพูนมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น และมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ นั่นคือ ผ้าทอยกดอก จนทำให้จังหวัดลำพูน เป็นศูนย์กลางการทอผ้าไหมยกดอกแหล่งสำคัญของประเทศไทย โดยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ มีอาทิ ลายดอกพิกุล ลายกลีบลำดวน ลายใบเทศ ลายเม็ดมะยม ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นต้น สำหรับลวดลายโบราณดั้งเดิมและถือว่ายังเป็นที่นิยมในปัจจุบันคือ ลายดอกพิกุล ซึ่งปัจจุบันได้มีการคิดลวดลายให้หลากหลายขึ้น เช่น พิกุลเครือ พิกุลมีขอบ พิกุลก้านแย่ง พิกุลเชิงใหญ่ พิกุลถมเกสร พิกุลเล็ก พิกุลใหญ่ พิกุลสมเด็จ พิกุลกลม เป็นต้น ซึ่งแต่ละลายจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ลักษณะเด่นของผ้ายกดอก คือในผืนผ้าจะมีลวดลายในตัว โดยผิวสัมผัสมีความนูนที่แตกต่างกันไปตามลวดลาย ซึ่งส่วนใหญ่ลายจะใช้ฝ้ายหรือไหมสีเดียวกันตลอดทั้งผืน บางครั้งอาจมีการจกฝ้ายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความเด่นของลวดลาย จึงนับได้ว่าถ้าหากประชาชนโดยทั่วไป หันมานิยมใส่ผ้าไทย จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่กลุ่มอาชีพทอผ้าชาวลำพูนได้เป็นอย่างมาก
สุดท้ายนางอาภัสรา ธงพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาตร์การพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดลำพูน ได้กล่าวว่า ในการร่วมมือกัน ด้วย โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” จะช่วยกันสนับสนุน รณรงค์ให้ประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และพนักงานบริษัท ได้สวมใส่ผ้าไทยในทุก ๆ วัน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพทอผ้าแก่สตรีทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มสตรีของจังหวัดลำพูน ที่ซึ่งได้รับถ่ายทอดภูมิปัญญาการทอผ้ามาจากบรรพบุรุษอยู่แล้ว โดยกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติฯ มีการเดินหน้ารณรงค์โครงการนี้ ขยายผลไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดังนั้น ถ้าทุกคนได้ร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าไทย แต่ละคนจะได้ซื้อผ้าไทย ส่งผลให้กลุ่มทอผ้าได้มีรายได้ จากการทอผ้า ทำให้ครอบครัวอบอุ่น สร้างชุมชนเข้มแข็ง และพึ่งตนเองได้ อย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ: กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ

๓๕๐. สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี นำสมาชิกไปกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดภูตะเภาทอง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ นางกอบแก้วคงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี นำสมาชิกไปกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดภูตะเภาทอง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ

๓๔๙.นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี นำสมาชิกไปกราบนมัสการ หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี นำสมาชิกไปกราบนมัสการ หลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

๓๔๘. สมาคมส่งเสริมวัฒนธรนมหญิงจังหวัดอุดรธานี ร่วมงาน "วันผู้พิการสากล" จังหวัดอุดรธานี และจัดโรงทานข้าวมันไก่ เลี้ยงประชาชน

วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรนมหญิงจังหวัดอุดรธานี ร่วมงาน "วันผู้พิการสากล" จังหวัดอุดรธานี และจัดโรงทานข้าวมันไก่ ๖๐๐ จาน ให้ผู้พิการ ๖๐๐ คน ที่บริเวณศาลเจ้าปู่ย่า จังหวัดอุดรธานี
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๔๗. สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๒

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ พญ.เฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี นางกอบแก้ว คงน้อย อุปนายกฯ จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๒ ที่ห้องมุขมนตรี เจริญโฮเต็ล อุดรธานี

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๓๔๖.สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานีจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๒

วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ รศ.ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานี นางกอบแก้ว คงน้อย เลขาธิการสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติจังหวัดอุดรธานี จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๒ และประชุมแม่ดีเด่นภาค ๖ ซึ่งมีสมาชิกจากจังหวัดต่างๆในสังกัดภาค ๖ เข้าร่วมประชุมด้วย ที่ห้องมุขมนตรี เจริญโฮเต็ล จังหวัดอุดรธานี

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ