๔๕๙. ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ได้รับเกียรติ ร่วมงาน รวมพลังสตรี ๔ ภาค ก้าวสู่ change for good ในพิธี อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนมอบรางวัล ๓ จังหวัด บริหารจัดการหนี้ที่ประสบความสำเร็จ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๓

วันที่  ๑๕  สิงหาคม ๒๕๖๓  เวลา ๐๙.๐๐ น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ให้เกียรติบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “สตรี Change for good” โครงการ “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลังสตรี สร้างรายได้ให้กลุ่มอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก รุ่นที่ ๑ – ๔  ระหว่างวันที่ ๘ – ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๓  จัดโดยสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ณ อิมแพค เมืองทองธานี

การจัดโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพแก่กลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการสร้างพลังสตรีในการพัฒนาชุมชน และเพื่อให้สตรีเป็นพลังในการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก  โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ประกอบด้วย หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัด ๗๖ จังหวัด กรุงเทพมหานคร รวมจำนวน ๗๗ คน และประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพสจ.) จำนวน ๗๖ จังหวัด เครือข่ายอาชีพจังหวัด กลุ่มอาชีพได้รับเงินจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด รวมทั้งสิ้น ๑,๗๓๓ คน โดยแบ่งการอบรมออกเป็น ๔ รุ่น

 

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า “การขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับสตรีที่รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ต้องมีการพูดคุยปรึกษาหารือกันภายในกลุ่ม เลือกสตรีที่มีความตั้งใจ มีศักยภาพมาเป็นสมาชิกกลุ่ม เลือกประกอบอาชีพในสิ่งที่ถนัด แต่ถ้าหากไม่ถนัดให้หมั่นศึกษาหาความรู้ เพิ่มทักษะอยู่เสมอ และต้องมีความรับผิดชอบ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การมีใจที่ตั้งมั่นและแน่วแน่ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของสตรีเองและครอบครัวดีขึ้น ด้วยความขยันหมั่นเพียร เช่น กลุ่มน้ำพริกปทุมทิพย์ของจังหวัดสิงห์บุรี ที่มีการบริหารจัดการกลุ่มกับความตั้งใจ ความสามัคคีภายในกลุ่ม ที่ต้องการให้สมาชิกกลุ่มมีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อคนถึง ๔,๐๐๐ บาทต่อเดือน”

นอกจากนี้ การบริหารจัดการหนี้ จำเป็นต้องมีการติดตามและการติดตามโดยการลงพื้นที่ก็ต้องอาศัยหลายปัจจัยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการยึดมั่นในเป้าหมายของกองทุนฯ ของการติดตาม  อธิบดี พช. ได้เน้นย้ำถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับนั้น เพื่อช่วยเหลือสมาชิกกองทุนฯ ให้สามารถมีศักยภาพในการชำระคืนเงิน และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ซึ่งจากผลการบริหารจัดการหนี้ทั่วประเทศ มีจังหวัดจำนวน ๔๖ จังหวัดที่สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ถึง ๔๖ จังหวัด และต่ำกว่าร้อยละ ๕ จำนวน ๒๐ จังหวัด โดยภาพรวมในการบริหารจัดการหนี้สามารถบริหารจัดการหนี้ลดลงกว่าร้อยละ ๕ พร้อมได้มอบประกาศนียบัตรให้กับจังหวัดที่ประสบความสำเร็จด้านการบริหารจัดการหนี้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓  โดยรุ่นที่ ๔ มีจำนวน ๓ จังหวัด (จังหวัดบุรีรัมย์ ชัยภูมิ นครราชสีมา) จาก ๒๐ จังหวัดที่ได้มอบประกาศนียบัตรไปแล้วในรุ่นที่ ๒ – ๓  ถือว่าเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกลไกการขับเคลื่อนในทุกระดับ รวมทั้งคณะทำงานติดตามหนี้ระดับอำเภอและจังหวัดที่ร่วมมือกัน รวมพลังบริหารจัดการหนี้เพื่อให้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นแหล่งทุนของสตรีเพื่อสตรีทั่วประเทศต่อไป ซึ่งอธิบดี พช. เชื่อมั่นว่า การพูดคุยทำความเข้าใจและร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จะเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาที่ดีขึ้น ดังเช่น "Change for good" เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น อธิบดี พช. กล่าว

 

 ขอบคุณ ที่มาของข่าว : กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

ดาวน์โหลด