๓๒๑. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน บรรยายพิเศษ “สตรี change for good” สร้างพลังสตรี สร้างสุขในชุมชน ตามโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จากภาคเหนือ และภาคใต้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี
๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒

 ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๐๐ น. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน  พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พบปะให้กำลังใจสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อม บรรยายพิเศษในหัวข้อ “สตรี change for good” ปลุกสตรี  มุ่งสร้างชุมชนเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้  ตามโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลังสตรี สร้างสุขในชุมชน ให้กับคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจากภาคเหนือ และภาคใต้ จำนวนกว่า ๕๐๐ คน ที่เข้าร่วมรับฟัง โอกาสนี้ได้มอบรางวัล นำเสนอผลการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความสำเร็จ การดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ๔ รางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ จังหวัดลำพูน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ได้แก่จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน รางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดตาก ลำปาง  ณ ห้องจูปิเตอร์ ๑๑-๑๓  อิมแพค เมืองทองธานี

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นเครื่องมือที่จะใช้พัฒนาอาชีพ พัฒนารายได้ ให้กับสตรีไทย ซึ่งเราต้องให้เกียรติสตรีเพราะว่าสตรีเป็นเพศแม่ เป็นผู้ที่เราต้องให้การนับถือเสมือนเขาก็เป็นผู้นำคนหนึ่ง การทำงานของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีฯ ต้องเข้าใจการทำงานในการพัฒนาโดยนำหลักการของ change for good เข้ามาปรับใช้ ต้องช่วยกันบริหารจัดการให้กองทุนมีความเข้มแข็งดูภาพรวมรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อที่เราจะได้ลดจำนวนหนี้เสียลง ซึ่งตั้งเป้าให้ยอดหนี้เสียคงเหลือเพียง ๐-๙ % เพื่อที่จะนำทุนหมุนเวียนที่ได้กลับคืนมานำไปใช้กับกลุ่มอื่นต่อให้เกิดประโยชน์ แล้วนำมาพัฒนาอาชีพ พัฒนารายได้ ในประเทศต่อไป

 

ขณะที่ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “พลังสตรี สร้างสุขในชุมชน” พร้อมกล่าวด้วยว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นแหล่งทุนในการพัฒนาสตรี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ สตรีมีความมั่นคงด้านรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีบทบาทนำทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในชุมชน ปัจจุบันสังคมให้ความสำคัญกับสิทธิและความเสมอภาคของสตรีมีมากขึ้น “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” จึงเป็นแหล่งทุนในการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ผ่านเงินทุนหมุนเวียนด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ ๓ ต่อปี วงเงินสูงสุดโครงการละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เปิดโอกาสให้สตรีได้มีการรวมกลุ่มเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน และเป็นแหล่งทุนในการส่งเสริมศักยภาพและบทบาทของสตรีผ่านเงินอุดหนุน  “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เปรียบเสมือนกองทุนแห่งลมหายใจของสตรี เพราะเป็นกองทุนเพื่อสตรี โดยเฉพาะสตรีที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนที่สามารถสนับสนุนสตรี ทั้งเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และเงินอุดหนุนเพื่อพัฒนาศักยภาพของสตรี ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ สร้างพลังของสตรีให้เกิดขึ้นและมีความเข้มแข็งที่จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงต่อไป” ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวย้ำ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ – ๒๕๖๒ กองทุนฯ  ได้จัดสรรงบประมาณในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม ๗๖ จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ประเภทเงินทุนหมุนเวียน ๔,๘๙๒,๑๘๐,๖๔๐ บาท มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติ ๓๙,๐๐๓ โครงการ และประเภทเงินอุดหนุน ) ๗๕๓,๗๐๔,๗๔๖ บาท มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติ ๑๑,๙๓๕ โครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ) เพื่อช่วยให้สมาชิกมีทุนในการประกอบอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สามารถพึ่งพาตนเองได้ สถาบันครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ลดปัญหาการอพยพย้ายถิ่น สตรีได้รับการส่งเสริมศักยภาพและบทบาทของสตรี ทำให้เกิดการยอมรับจากสังคม และสามารถนำไปสู่การสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมเป็นกำลังใจให้สตรีจากภาคเหนือ และภาคใต้ ที่เข้ารับฟังในวันนี้  ขอให้ร่วมกันใช้พลังของสตรี ให้มากที่สุด ช่วยกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้ผ่านพ้นด้วยดีทุกปัญหา  มีความมุ่งมั่นเพียงช่วยกันคนละไม้คนละมือ ความสำเร็จไม่ไปไหน อยู่ในมือของสตรีเราทุกคน

นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการแลกเปลี่ยนผลการดำเนินงานกองทุนฯ ระดับจังหวัด การจัดเวทีเสวนาจังหวัดที่บริหารจัดการหนี้ดีเด่น รวมทั้งการมอบเกียรติบัตรจังหวัดที่นำเสนอผลการ work shop ประสบการณ์ความสำเร็จในการดำเนินงานกองทุนฯ รุ่นละ ๕ รางวัล และจังหวัดที่บริหารจัดการหนี้กองทุนฯ ดีเด่น ๑๐ จังหวัด โอกาสนี้กลุ่มสตรีภาคต่างๆ ได้ร่วมศึกษาดูงานในการนำผลิตภัณฑ์ของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ร่วมจำหน่าย ในงาน “OTOP City 2019”  ด้วย

 

ขอบคุณภาพ/ข่าว  : กองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน

เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

 

ดาวน์โหลด