๘๓๑.ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย พร้อมด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย จัดกิจกรรมและบรรยายพิเศษ "สตรีกับการพัฒนาที่ยั่งยืน" ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔

 เน้นย้ำ ผู้นำกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ต้องช่วยกัน Change for Good ให้เกิดสิ่งที่ดีงาม สร้างความรัก ความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน/ชุมชน

 

 วันนี้ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๓๐ น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย จัดกิจกรรมและบรรยายพิเศษในหัวข้อ สตรีกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างความมั่นคงด้านอาชีพ สู่ความเข้มแข็งในชุมชน โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมจัดกิจกรรมและพบปะกับคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทุกระดับกลุ่มอาชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ นักวิชาการพัฒนาชุมชนที่รับผิดชอบงานกองทุนฯ รวมจำนวน ๘๐๐ คน จาก ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ โดยมี นายวรงค์ แสงเมือง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน นางนวลจันทร์ ศรีมงคล ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมให้การต้อนรับและพบปะคณะทำงานฯ

 

     ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เปิดเผยว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้สตรีได้เข้าถึงแหล่งทุนหรือเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูงสุดโครงการละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๑ ต่อปี เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ หรือพัฒนาอาชีพ ผ่านการรวมกลุ่มของสตรี โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ให้การสนับสนุน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งที่มาจากภายในกลุ่มของสตรีเอง ด้วยการเริ่มต้นกิจกรรมจากความต้องการของสตรี บริหารจัดการด้วยสตรี สตรีมีความสุข และสตรีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนถึงครอบครัว ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ประเภทบุคคลธรรมดา ๑๔,๗๖๒,๗๑๗ คน และประเภทองค์กรสตรี ๖๗,๐๑๔ องค์กร ขับเคลื่อนการบริหารเงินทุนหมุนเวียน ตามแนวทางพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้

 

     "ความสำเร็จของการพัฒนากองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของเรา นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ จนถึงปัจจุบัน ได้ช่วยพี่น้องสตรีทั่วประเทศในการนำทุนจากกองทุนไปพัฒนาอาชีพ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การบริหารจัดการหนี้ที่เราประสบความสำเร็จ ซึ่งในปัจจุบันคงเหลือหนี้ค้างชำระเพียงร้อยละ ๑๓.๑๔" ดร.วันดี กล่าวเน้นย้ำ

 

     ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มีบทบาทสำคัญในการเสริมกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาองค์กร คือกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และพัฒนาบุคคล คือ พี่น้องที่เป็นสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ให้มีความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรือง เป็นกำลังสำคัญในการดูแลบริหารจัดการชุมชน ครอบครัว ให้เกิดการ Change for Good มีแต่สิ่งที่ดีเกิดขึ้น ในครอบครัว ชุมชน ตำบล หมู่บ้านของพวกเรา

 

     จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 3 ประการ ได้แก่ ประการที่ 1 การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีน้ำพระราชหฤทัย พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ จำนวน ๑,๖๐๐ หลอด เพื่อมอบให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙  ประการที่ ๒ พี่น้องสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมีส่วนสำคัญในการร่วมสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการส่งเสริม รักษา ภูมิปัญญาผ้าไทย ด้วยการสวมใส่ผ้าไทยในทุกวัน ทุกโอกาส ซึ่งผ้าไทย หมายถึง ผ้าประจำท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาคแต่ละจังหวัด ส่งผลทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความมั่นคง เข้มแข็ง เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนผู้ประกอบการผ้าไทยให้มีรายได้ไปจุนเจือครอบครัว เงินทองของพวกเราที่ซื้อผ้าไทย ตามกำลังตามความสามารถ ก็จะหมุนเวียนสร้างรายได้ให้กับพวกเราคนไทยด้วยกัน และประการที่ ๓ ขอเชิญชวนพวกเราช่วยกันดูแลเอาใจใส่มวลสมาชิกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ๓ ด้าน คือ ๑) เป็นสมาชิกที่ดี มีความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พูดคุยเป็นเพื่อนคู่คิด ปรึกษาหารือกัน และให้กำลังใจกัน ให้มีพลังในการที่จะประกอบสัมมาอาชีพ หรืออาชีพที่สุจริต มีปัญหาทุกข์ร้อนอะไรก็ช่วยเหลือเจือจานกัน ๒) คุณภาพชีวิตจะดีได้ ฐานะทางเศรษฐกิจจะดีได้ ต้องส่งเสริมเรื่องการออมและการลดรายจ่าย โดยน้อมนำพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานแนวทางการดำเนินชีวิต โดยใช้ประโยชน์พื้นที่รอบบ้านให้เป็นแหล่งอาหาร เป็นพื้นที่สร้างความมั่นคงด้านอาหารและเศรษฐกิจ และสุขภาพพลานามัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกผักสวนครัว ซึ่งนอกจากจะลดรายจ่ายแล้ว ยังทำให้สุขภาพแข็งแรง และทำให้เกิดความรักความสามัคคีของคนในครอบครัว และ  ๓) ผู้นำสตรี ต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มเติมจากการดูแลสมาชิกในครอบครัว โดยต้องดูแลสมาชิกในกลุ่ม และดูแลพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน ให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ให้รู้จักทำมาหากิน ประหยัด ลดรายจ่าย ด้วยการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร แสดงความรักชาติ รักษาประเพณี วัฒนธรรมความเป็นไทย

 

     "ที่สำคัญที่สุด พวกเราต้องเป็นแกนนำของพี่น้องประชาชนในตำบล หมู่บ้าน ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ "จิตอาสา" ซึ่งสะท้อนถึงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระผู้ทรงเป็นที่รักของพวกเราคนไทย ซึ่งการเป็นจิตอาสา ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบ ไม่ต้องประกาศว่าฉันเป็นจิตอาสา แต่สะท้อนโดย "การกระทำ" จิตอาสาสามารถทำได้ทุกวัน อันจะทำให้เกิดสิ่งที่ดี หรือ Change for Good ให้เกิดความรัก ความสามัคคี ในหมู่บ้าน/ชุมชนของเรา" นายสุทธิพงษ์ เน้นย้ำ

 

     ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าพวกเราคนไทย ๓๕ ล้านคนช่วยกันใส่ผ้าไทยทุกวัน ซื้อผ้าไทยเพิ่มคนละ ๑๐ เมตร จะได้ผ้า ๓๕๐ ล้านเมตร คิดเป็นมูลค่าเงิน ๑๐ ล้านบาทที่จะกลับคืนสู่ชีวิตของพี่น้องสตรีและพี่น้องประชาชนที่ทอผ้าในชุมชน นอกจากนี้ เราต้องช่วยกันรณรงค์พี่น้องประชาชนทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนช่วยชาติในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รวมทั้งรณรงค์ปลูกผักสวนครัวในบ้านของเรา ซึ่งเมื่อ ๑ ครัวเรือนปลูกผักสวนครัวรับประทานเอง จะสามารถประหยัดเงินได้ ๕๐ บาทต่อวัน เมื่อคิดจาก ๑๒ ล้านครัวเรือน ก็จะประหยัดเงินกว่า ๖๐๐ ล้านบาท ปีหนึ่งมี ๓๖๕ วันก็สามารถประหยัดเงินของครัวเรือนได้กว่า ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และยังมีผักสวนครัวเหลือไปแบ่งปันเพื่อนบ้าน ถ้ามีจำนวนมากก็สามารถนำไปขายสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

     "แผ่นดินไทยของเรา เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ทุกพื้นที่ทุกครัวเรือนสามารถสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารได้ เพียงแต่ว่า "ขอให้เราลงมือทำ" การปลูกผักสวนครัวกินเอง คือ การสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารของครอบครัว"

 

     โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้มอบช่อดอกไม้ จำนวน 34 ช่อ ให้กับจังหวัดที่มีการบริหารจัดการหนี้ดีเด่น พร้อมร่วมกับคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทุกจังหวัดขับร้องบทเพลงศรัทธา เพลงบ้านเกิดเมืองนอน และเพลงรักกันไว้เถิด เพื่อเป็นการขอบคุณและสร้างขวัญกำลังใจให้กับคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทุกจังหวัด พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณการแต่งกายผ้าไทยเป็นทีมดีเด่นให้กับคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่สวมใส่ผ้าไทยอย่างพร้อมเพรียง และเชิญเจลแอลกอฮอล์ล้างมือพระราชทาน จำนวน 1,600 หลอด มอบให้แก่คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจต่อผู้ร่วมงาน

 

ที่มา : กองสารนิเทศ สป.มท.

เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

 

ดาวน์โหลด