๗๙๗. สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ น้อมนำถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี ๒๕๖๔ ณ วัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและสิริมงคลอันใหญ่หลวง ยังความปลาบปลื้มมาสู่ สภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ และพุทธศาสนิกชนชาวไทย
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

วันเสาร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔  เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐิน ประจำปี ๒๕๖๔  ให้สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ น้อมนำไปถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา  โดย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบหมายให้ นางสุกัญญา ประจวบเหมาะ รองประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๖  เป็นประธานอัญเชิญผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารพระราชทาน นำถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษา โดยมี นางวิภาศิริ มะกรสาร ประธานฝ่ายศาสนาสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์    และ คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร พร้อมด้วยองค์กรสมาชิก เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว   ณ   วัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

            การถวายผ้ากฐินพระราชทานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ  ในพระบรมราชูปถัมภ์   ประจำปี ๒๕๖๔ มีผู้มีจิตศรัทราร่วมอนุโมทนา ร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ปวารณาถวายจตุปัจจัย ถวายเป็นพระราชกุศลเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น  ยอดกฐิน ๑,๑๙๕,๕๐๐ บาท

 

วัดสังเวชวิศยาราม เป็นวัดเก่าแก่ และเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เดิมเรียกว่า วัดสามจีน ตามตำนานเล่าว่า ชาวจีน  ๓ คน ร่วมกันสร้างวัด ต่อมาได้เรียกชื่อตามตำบลที่ตั้งว่า วัดบางลำพู มีปริศนาลายแทงขุมทรัพย์ว่า ตำบลวัดสามจีน มีหินสามก้อน ที่นอนสามอัน มีต้นโศกเอนที่เจ้าเณรนั่งฉัน ในสมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดบางลำพูพระราชทานแก่นักชี ยายพระองค์เจ้าขัตติยา ต่อมารัชกาลที่ 3 โปรดให้บูรณะวัดใหม่ ได้ย้ายพระอุโบสถไปสร้างในสถานที่ตั้งปัจจุบัน สมัยรัชกาลที่ ๔  โปรดให้นายสุดปลัดกรมช่างหล่อ บูรณะพระประธานในพระอุโบสถแล้วพระราชทานนามวัดว่า วัดสังเวชวิศยาราม

ปีพุทธศักราช ๒๔๑๒ วัดสังเวชวิศยารามประสบอัคคีภัย อาคารเสนาสนะถูกเพลิงไหม้เสียหายเหลือเพียงพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอระฆังล่าง หอไตรคณะล่าง ศาลาหน้าพระวิหารที่เป็นโรงเรียนปัจจุบัน ตัวพระวิหารถูกเพลิงไหม้เพียงหลังคา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาทรงบัญชาการดับเพลิงที่สะพานข้ามคลองบางลำพู (สะพานฮงอุทิศ) และโปรดให้รื้อพระเมรุที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปสร้างเป็นกุฏิเสนาสนะในวัดสังเวชวิศยารามแทนของเดิมที่ถูกเพลิงไหม้ แล้วโปรดให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราภิบาล ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ อาคารเสนาสนะในพระอารามให้บริบูรณ์ดังเดิม

พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน มีพาไลด้านหน้าและด้านหลัง หลังคามุงประเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันปูนปั้นลายดอกไม้จีน ผนังภายในเขียนเป็นลายประแจจีน ดอกไม้ร่วง เพดานล่องชาดลอยดาวฉลุทอง บานประตูหน้าต่างเขียนลายรดน้ำ พัทธสีมาอยู่ในซุ้มก่ออิฐถือปูนรูปมณฑป กำแพงแก้วก่ออิฐถือปูน สร้างในรัชกาลที่ ๓

พระประธาน ในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง ฝีมือช่างสมัยทวารวดี ขนาดสูง 3 เมตร หน้าตักกว้าง ๔.๓๕  เมตร พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน มีพาไลหน้าหลังเช่นเดียวกับพระอุโบสถ หลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา ทำด้วยไม้ ลงรักปิดทอง บานประตูหน้าต่างเขียนลายรดน้ำ เพดานล่องชาด ลอยดาวฉลุทอง

 

 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ  ในพระบรมราชูปถัมภ์  

 

ดาวน์โหลด