สภาสตรีแห่งชาติฯ นำคณะภริยาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย “ตามรอยผ้าไหมไทย” เยือนถิ่นเมืองย่าโม กระชับความสัมพันธ์สตรีไทย-สตรีจีน
๐๖ มีนาคม ๒๕๖๑

          เมื่อวันที่  ๓-๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วย คณะกรรมการสภาสตรีแห่งชาติฯ นำคณะ มาดาม พัน เผิง ภริยาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย  กว่า ๒๐ คน เดินทางมายังจังหวัดนครราชสีมา “ตามรอยผ้าไหมไทย”  ร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนตลอดจนกระบวนการผลิตผ้าไหมแบบครบวงจรตั้งแต่การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม การสาวไหม การมัดย้อมผ้าให้เป็นลวดลายและการทอผ้าสวมใส่  เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างสตรีสองประเทศไทย-จีน โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งจาก นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกสมาคมสตรีจังหวัดนครราชสีมาและนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา และ ดร.อัญมณี วงษ์กาสิทธิ์ กรรมการอำนวยการสภาสตรีฯ  ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดนครราชสีมา โดยนำชมกิจกรรมต่างๆ  ดังนี้

          ๓ มีนาคม ๒๕๖๑  เวลา ๑๑.๐๐ น.  เดินทางถึงศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา วางพานพุ่มสักการะพระบรมราชานุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จากนั้นเข้าพบนายวิเชียร จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  ต่อมาเวลา ๑๓.๐๐ น. เยี่ยมชมศึกษาความเป็นมาของเส้นทางสายไหมบ้านจะโปะ ตำบลเมืองปัก อำเภอปักธงชัย  ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านการย้อมสีผ้าด้วยวัสดุธรรมชาติ มีลายผ้าเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีพิพิธภัณฑ์ผ้าของชุมชนที่เก็บสะสมผ้าไว้ เพื่ออนุรักษ์ลายผ้า ซึ่งบางผืนมีอายุกว่า ๒๐๐ ปี เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมไหม สะท้อนภูมิปัญญาพื้นเมือง สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนเพิ่มขึ้น

          จากนั้นเดินทางไปที่บริษัทอุตสาหกรรมผ้าไหมไทย (จิม ทอมสัน)  ซึ่งให้เห็นภาพเส้นทางสายไหมในภาพของภาคอุตสาหกรรมที่พัฒนาการผลิตผ้าไหมจากกี่ทอมือใต้ถุนบ้านสู่กี่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการผลิตผ้าไหมแบบครบวงจร ตั้งแต่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมไปจนถึงการทอผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมโดยมีพนักงานกว่า ๑,๐๐๐ คน ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชนใกล้เคียงด้วย

          และเมื่อเวลา ๑๘.๓๐ น. ได้รับเกียรติจาก มาดาม พัน เผิง ภริยาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยได้แบ่งปันรูปแบบ แนวทาง กิจกรรม การพัฒนาศักยภาพสตรีในจีนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นการถอดบทเรียนร่วมกันระหว่างสตรีไทย- จีน ซึ่งฝ่ายไทยได้รับเกียติจาก นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกสมาคมสตรีจังหวัดนครราชสีมาและนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา และ ดร.อัญมณี วงษ์กาสิทธิ์ กรรมการอำนวยการสภาสตรีฯ  ซึ่งเป็นผู้นำสตรีผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นแบบอย่างความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพของสตรีในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของสตรีไทย

          ๔ มีนาคม ๒๕๖๑ เวลา ๐๘.๐๐ น. ออกเดินทางไปถวายสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) วีรสตรีที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชาติไทย โดยได้รวบรวมชาวบ้านเข้าสู้รบต่อต้านกองทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ไม่ให้มาตีกรุงเทพเป็นผลสำเร็จ  จากนั้น เวลา ๐๙.๕๐ น. เยี่ยมชม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร บ้านคึมมะอุ ตำบลหนองหว้า อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของแม่บ้านเกษตรกรที่มีปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าหลังฤดูกาลทำไร่ทำนาซึ่งเป็นวัฒนธรรมชุมชนชาวอีสานที่นิยมใส่ผ้าไหมในงานบุญหรืองานเทศกาลที่สำคัญๆ เพราะผ้าไหมนอกจากจะมีความงดงามแล้วยังแฝงด้วยคุณค่ามากมาย เช่น ความมานะอดทนของผู้ผลิตเพราะกว่าจะเป็นผ้าไหมหนึ่งผืนต้องผ่านกระบวนการต่างมากมาย ตั้งแต่การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม การสาวไหม การมัดย้อมผ้าให้เป็นลวดลาย การประดิษฐ์ลายและวิธีการทอที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จึงทำให้ผ้าไหมมีราคาเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัวต่อไป  

          นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ทั่วประเทศกว่า ๒๐,๐๐๐ ศูนย์ และดูแลเด็กเล็กกว่า ๙๐๐,๐๐๐ คน ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคึมมะอุ-สวนหม่อน สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหว้า อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา  เปิดการเรียนการสอนแก่เด็กอายุ ๓-๕ ขวบ จำนวน ๕๐ คน เด็กช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาชีวิตต้องได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับการศึกษาขั้นต่อไป

          การจัดกิจกรรมครั้งนี้นับว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสตรีไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยใช้ผ้าไหมไทยเป็นสื่อกลางแห่งสายสัมพันธ์สองแผนดินไทย-จีน